นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นหน้าที่ของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะมีการเสนอบุคคลใดมาดำรงตำแหน่งนายกฯ และในส่วนของพรรคประชาชนเราทำหน้าที่เป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน จากการยุบพรรคก้าวไกล ในเชิงนิตินัยทางพรรคประชาชนไม่มีแคนดิเดตนายกฯ เพราะนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของพรรคก้าวไกลก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว
แต่พรรคประชาชนก็จะเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นบทบาทในการตรวจสอบถ่วงดุล รวมถึงผลักดันวาระที่เราคิดว่ามีความสำคัญกับประชาชน
ส่วนปัญหางูเห่าที่อาจจะเกิดขึ้นในการโหวตนายกฯครั้งถัดไปนั้น เชื่อมั่นว่า สส.พรรคประชาชนทั้ง 143 คน จะเดินหน้าทำงานต่อเป็นเอกภาพ ที่สอดรับกับอุดมการณ์และจุดยืนของพรรคที่สืบเนื่องมาจากพรรคก้าวไกล และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เห็นอดีต สส. จากพรรคก้าวไกลที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นเอกภาพด้วยเวลาอันรวดเร็ว ไม่มีใครมีอาการลังเลเป็นหลักฐานที่ประจักษ์แล้วว่า สส. ของพรรคประชาชนจะร่วมกันเดินหน้าอย่างเป็นเอกภาพ
ส่วนโอกาสในการยุบสภาฯ เนื่องจากนายกฯ รักษาการมีอำนาจในการยุบสภาฯ ซึ่งจะส่งผลให้พรรคประชาชนไม่สามารถส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งได้ เนื่องจากสังกัดพรรคไม่ถึง 30 วัน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ปี 2560 นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรามีการวิเคราะห์ทุกฉากทัศน์ ซึ่งในคำถามเป็นแค่ 1 ในฉากทัศน์ และไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้น
ส่วนนายกคนต่อไปควรจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้นต้องเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลคุยกัน แต่ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครก็ตาม ทางพรรคประชาชนก็ทำหน้าที่ต่อไปในพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เพื่อตรวจสอบรัฐบาลต่อไป