นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการประชุมสส.พรรคเพื่อไทย เพื่อกำหนดชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเท่าที่ทราบข่าวตั้งแต่เมื่อคืน พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติศิริ แต่สส.ในพรรคอาจมีบางส่วนยังไม่เห็นด้วย โดยอยากให้มีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ถือเป็นเรื่องปกติของคนหมู่มาก ซึ่งอยู่ที่การพูดคุยและพรรคเพื่อไทยมีวินัยอยู่แล้ว ถ้าเสียงส่วนมากไปทางไหนก็ไปทางนั้น
ทั้งนี้ นายพิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) จะมีการชี้แจงกับ สส.ของพรรค และตนจะไปประชุมวิปรัฐบาลในเวลา 10.00 น. เพื่อไปรับทราบความเห็นจากพรรคต่าง ๆ ว่า จะโหวตเลือกใครเป็นครั้งสุดท้าย
"วันนี้ก่อน 11 โมง ผลก็จบหมดว่าจะเลือกใคร งวดนี้เร็วประมาณ 2 วัน พรุ่งนี้ก็โหวต 10 โมง นัดแล้ว" นายสมคิด กล่าว
สำหรับเหตุผลที่เลือกนายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น นายสมคิด กล่าวว่า โดยส่วนตัวมองว่านายชัยเกษม เป็นผู้มีอาวุโส มีประสบการณ์ทางการเมืองมากพอสมควร และเป็นอดีตอัยการสูงสุด คงเข้าใจหลักการ วิธีการต่าง ๆ ได้ดี เชื่อว่าไม่ได้มาเป็นนายกฯ ขัดตาทัพ และทำหน้าที่เต็มที่ ส่วน น.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคก็จะทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเหมือนเดิม
ส่วนข้อกังวลเรื่องสุขภาพของนายชัยเกษม ต่อการบริหารประเทศที่มีงานหนักรออยู่นั้น นายสมคิด กล่าวว่า นายชัยเกษม สุขภาพแข็งแรงดี การบริหารจัดการของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน มีวิธีการทำงานของแต่ละคน คงไม่สามารถไปเปรียบเทียบกับนายเศรษฐา ทวีสิน ได้
ทั้งนี้ มีการวิพากวิจารณ์ว่ายังไม่ได้มีการประชุมพรรคเพื่อไทย แต่ในบ้านจันทร์ส่องหล้ามีการวางตัวนายชัยเกษม เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วนั้น นายสมคิด กล่าวว่า เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลได้พูดคุยกัน ถือเป็นเรื่องปกติของพรรคร่วมที่ไม่อยากให้แตกแยกกัน และยืนยันว่าไม่เป็นกรณีบุคคลภายนอกครอบงำพรรคการเมือง เพราะทุกพรรคการเมืองเห็นชอบตรงกัน และเมื่อวานก็ถือว่าเป็นการไปที่บ้านของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ส่วนโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนมือไปอยู่กับพรรคอื่น เช่น พรรคภูมิใจไทย ได้หรือไม่นั้น นายสมคิด เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยน เพราะพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแกนนำมีเสียงถึง 141 เสียง เชื่อว่าพรรคการเมืองอื่นจะเข้าใจหลักการนี้ และสิทธิโดยชอบธรรมของพรรคเพื่อไทย ขณะที่สัดส่วนรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลได้บ้าง ซึ่งต้องขึ้นกับการตัดสินใจขอนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นายสมคิด ยังมองว่า สำหรับสัดส่วนรัฐมนตรีในส่วนพรรคเพื่อไทยอาจมีการปรับเปลี่ยนตัวบุคคลบ้าง ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และภายในพรรคเพื่อไทย แต่โควตารัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลคงจะเหมือนเดิม ไม่มีแรงกระเพื่อมมาก ส่วนตัวบุคคลจะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคจะพิจารณา
พร้อมเชื่อว่า การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษในวันพรุ่งนี้ (16 ส.ค.) ไม่น่าจะมีปัญหา พรรคร่วมรัฐบาลเดิมก็ยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม ไม่มีใครแตกแถว