นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โทรศัพท์มาเคลียร์ใจ โดยระบุว่า ยังไม่เคยได้ยินเสียงของพล.อ.ประวิตรเลย แต่ได้ยินจากเสียงที่ลอดมาจากโทรศัพท์ของหัวหน้าพรรคอื่น
พร้อมกล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตร แต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องภายในของแต่ละพรรค
"สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ใครทำอะไรไปก็ควรจะรู้ตัว แค่นั้นเอง"
และย้ำว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้โทรหาเพื่อเคลียร์ใจกับตนเอง แต่อาจจะเป็นคนรอบข้างพล.อ.ประวิตร ที่ไปเล่าให้ฟังแบบนั้น แต่ตนเองไม่ได้คุยกัน ส่วนกระแสที่บอกว่า จะไม่ให้มีคนนามสกุล "วงษ์สุวรรณ" ร่วมในรัฐบาลชุดนี้นั้น ก็จะต้องให้เป็นไปตามคณะกรรมการฯ ของพรรค ซึ่งตนไม่เกี่ยวข้อง
ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐ จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความล่าช้าหรือไม่นั้น นายทักษิณ เผยว่า ไม่เป็นไร เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาเพื่อที่จะสกรีนทุกอย่างให้เกิดความเรียบร้อยที่สุด
จากกรณีที่ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐ แตกออกเป็นสองฝั่งระหว่าง ฝั่งพล.อ.ประวิตร กับฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นั้น มองว่าฝ่ายไหนเหมาะสมที่ควรจะมาร่วมรัฐบาลมากที่สุด นายทักษิณ ไม่ได้ให้คำตอบตรง ๆ แต่ตอบเพียงว่า "ฝ่ายที่ทุ่มเทกับรัฐบาลมาตลอด ก็น่าจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง"
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ยังผูกใจเจ็บกับพล.อ.ประวิตร ด้วยหรือไม่ นายทักษิณ ตอบว่า "ผมโดนเยอะที่สุด แต่ไม่ได้ใส่ใจอดีต ผมอยู่กับวันนี้ และวันพรุ่งนี้"
ส่วนกรณีคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส ที่อาจจะไม่ได้เป็นรัฐมนตรีนั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกติกา เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาบอกว่าเป็นอย่างไร ถ้าผ่านก็ผ่าน ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน แต่จะให้สถานะนายกรัฐมนตรีอยู่แบบคราวที่แล้วก็ไม่ดี พร้อมย้ำว่า คนที่สุ่มเสี่ยงก็ไม่ควรที่จะเข้าไปเป็นรัฐมนตรี ทุกคนควรจะเสียสละเพื่อให้การเมืองต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายทักษิณ บอกว่าคนที่เหมาะสมจะมาร่วมรัฐบาล จะต้องช่วยงานรัฐบาลมาก่อน แต่ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้มาโหวตเลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในสภาฯ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. สมควรจะเข้ามาร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายทักษิณ ถามย้อนกลับว่า "นั่นสิ ต้องลองถามท่านดูว่า ทำไมไม่มาโหวต"
ส่วนที่มีข่าวว่าจะนำพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาร่วมรัฐบาลนั้น นายทักษิณ ย้ำว่า เป็นธรรมดาที่จะต้องให้เสียงรัฐบาลมีเสถียรภาพ เพราะขณะนี้ประเทศมีปัญหามาก ปัญหาที่ต้องเปลี่ยนในเชิงโครงสร้างมีหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ต้องอาศัยการแก้กฎหมาย ต้องอาศัยการสนับสนุนจากสภาฯ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเสียงของรัฐบาลมีมากพอ ถึงจะให้ความเชื่อมั่นกับประเทศไทย โดยในวันที่ 22 ส.ค. จะไปพูดเรื่องแนวทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เพราะวันนี้ประเทศเราเสียหายไปมากแล้ว
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร จะนั่งนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม ด้วยหรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า แค่นายกรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียวก็หนักแล้ว ส่วน รมว.กลาโหม จะมาจากทหาร หรือพลเรือนนั้น คณะกรรมการฯ ของพรรคคงจะดูตามความเหมาะสม ซึ่งตามโควตานั้น รมว.เป็นของเพื่อไทย แต่ในส่วนของรมช. อาจมาจากพรรคร่วมก็ได้
ในตอนท้าย ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าครอบงำการทำงานของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร โดยนายทักษิณ ปฏิเสธว่า "ไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง ก็เป็นลูกสาวผม" นายทักษิณ กล่าวติดตลก พร้อมแสดงความเชื่อมั่นในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของบุตรสาว แม้จะถูกมองว่าความสามารถยังไม่ถึงขั้น
"DNA เดียวกัน ผมว่าคงได้" อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ