นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบคำถามช่วงหนึ่งในการแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ Vision for Thailand โดยแสดงความมั่นใจว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2567 พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงที่จะชนะพรรคประชาชน โดยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา หากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องไปคลอดสามารถหาเสียงได้จนถึงวันเลือกตั้งก็มั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสสูงที่จะชนะเช่นกัน เพราะเคยชนะมาแล้ว
นายทักษิณ ได้กล่าวตอบคำถามว่าหากพรรคประชาชนไม่มีนโยบายเรื่องแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 มีโอกาสที่จะจับมือจัดตั้งรัฐบาลด้วยกัน เพราะเป็นพันธมิตรในทางการเมือง แต่ต้องให้โอกาสพรรคการเมืองที่เคยอยู่ดัวยกันมาก่อน
ทั้งนี้หลักของพรรคประชาชนต้องการความเท่าเทียมในบริบทการเมือง ส่วนพรรคเพื่อไทยอยู่ในบริบทการปฏิรูปทางเศรษฐกิจที่สร้างโอกาสเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ
"เขาเน้นสถานะที่เท่าเทียมกัน เราเน้นโอกาสโดยเฉพาะโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไทยมีปัญหาตรงนี้ โดยเฉพาะคนชนบทที่ยังลำบาก และวันนี้ไม่ใช่ว่าคนไทยงอมืองอตีนหรือไม่ฉลาด แต่เพราะไม่มีโอกาส" นายทักษิณ กล่าว
พร้อมระบุถึงการวางบริบทของตนเองว่า ตนต้องทำหน้าที่ช่วยคิด ช่วยเสนอแนะ แต่การตัดสินเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
"ผมมีหน้าที่ว่า ไปพบสิ่งไหนควรปรับปรุงแก้ไข หรือแนวทางประเทศควรไปทางไหนดี ก็จะบอกเขา แต่ว่าการตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกฯ และคณะรัฐมนตรีไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมก็คงจะอยู่เฉย มองปัญหาบ้านเมืองแบบไม่สนใจคงไม่ได้?เห็นอะไรไม่ดีต้องบอก เพื่อให้เขาแก้ไขกัน"นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ มองว่า ประเทศไทยหลังจากนี้รัฐประหารคงไม่มีอีกแล้ว และมั่นใจว่า น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี จะปลอดภัยจากการรัฐประหาร
"ในฐานะพ่อก็ต้องห่วงใยลูกต้องช่วยลูก แต่ไม่เข้าไปก้าวก่ายในหน้าที่การงานสถานะของความเป็นนายกของเขา ถึงแม้เขาเป็นลูกแต่ก็ต้องให้เกียรติสถานะที่เค้าเป็นอยู่"นายทักษิณ กล่าว
เมื่อถามว่าตั้งแต่กลับมาประเทศไทย 1 ปีได้พูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) บ้างหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก่อนเดินทางกลับมาประเทศไทยได้โทรคุยกันสั้น ๆ เรื่องร่วมรัฐบาล และถามสารทุกข์สุขดิบ หลังจากนั้นไม่ได้คุย ไม่ได้เจอกัน ส่วนกรณีเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ เพราะมีเสียงในรัฐบาลที่เพียงพอ
พร้อมระบุว่า อยากขอให้คนไทยรักกันเราคือคนไทยด้วยกัน เน้นความสามัคคี เพราะสิ่งที่พูดไปทั้งหมดถ้าขาดความสามัคคีก็ไม่สามารถทำได้ อยากให้เห็นว่า ที่วันนี้รัฐบาลใหม่มีพรรคโน้นพรรคนี้มาร่วมกัน เป็นสิ่งที่จะช่วยประเทศชาติพัฒนาได้ง่ายมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้นแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ แก้กฎหมายที่ทำให้คนต้องลำบากต้องแก้ไขวันนี้
"ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องรวมน้ำใจกันให้เป็นหนึ่งและแก้ปัญหา ถ้าใครบอกว่าผมโกรธคนนั้นคนนี้ ผมรู้สึกมากที่สุดแล้ว ซึ่งผมรักบ้านเมืองอยากเห็นบ้านเมืองดี และพร้อมอยู่ข้างหลังช่วยคิดให้ทางภาครัฐ และภาคเอกชน ใครต้องการที่จะปรึกษาตนก็ยอมเสียค่ากาแฟหน่อยแล้วผมจะแวะไปดื่มด้วย" นายทักษิณ กล่าว