นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ เท่าที่ติดตามคณะทำงานที่รับผิดชอบได้ส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาตรวจสอบว่าผู้ใดถูกร้อง และโดนร้องเรื่องอะไร และขั้นตอนไปถึงไหน ซึ่งเรื่องนี้ เลขาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงไปแล้ว และส่งกลับมาให้คณะทำงานเพื่อพิจารณา และนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่อไป
สิ่งที่เป็นข้อวิตกกังวล ทั้งเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เรื่องจริยธรรม และต้องได้รับการชี้ขาดจาก ป.ป.ช. แต่เข้าใจว่าขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ส่วนตัวสันนิษฐานว่า เรื่องเหล่านี้ยังไม่สิ้นสุด และยังไม่ได้ข้อยุติ
"วันดีคืนดี ใครร้องว่าเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไปร้องระบบราชการ ระบบ ป.ป.ช.ก็รับเรื่อง ส่วนจะผิด ไม่ผิดก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่เป็นดุลยพินิจ ไม่ได้ชี้ว่าใครขาดจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้องชอบธรรม ถ้าใครถูกร้องแล้ว ท้ายสุดไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ผมว่าเอาไปเอามาก็จะไม่ได้รับการแต่งตั้งกันทั้งหมด เช่น ร้องไปสัก 20 คน คนเหล่านี้จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเลย ถ้าเราคิดอย่างนั้น" นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกคนทราบกันหมดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร แต่เรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรียังไม่มีอะไร ให้ไปดูรายชื่อรัฐมนตรีที่เสนอมาแต่ละพรรค ยังไม่มีใครที่ทำผิด หรือถูกชี้มูลความผิด
สำหรับกรณีมีข่าว 11 ว่าที่รัฐมนตรีมีคำร้องอยู่ใน ป.ป.ช. หรือศาลฯ นั้น ตนไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ต้องดูว่าการเมืองไทยก็เป็นแบบนี้ พอเป็นเรื่องจริยธรรมก็อาจเป็นเรื่องที่ร้องไม่จบ
"การเมืองไทยก็เป็นมาแบบนี้ ท้ายที่สุด ก็ติดหล่มอะไรบางอย่างไป ประเทศก็เดินต่อไม่ได้" นายชูศักดิ์ กล่าว
การที่รัฐบาลมอบหมายให้กูรูด้านกฎหมาย อย่างเช่นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายวิษณุ เครืองาม มาช่วยตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความรอบคอบ แต่ไม่ทราบว่าท้ายที่สุดจะมีเกณฑ์การตรวจสอบอย่างไรนั้น ส่วนตัวมองว่า ตราบใดที่ยังไม่มีคำวินิจฉัยและคำพิพากษาว่าเขาผิด ก็ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นประเทศจะเดินต่อไม่ได้