การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 ในวาระที่ 2-3 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยผู้ขอสงวนความเห็น ได้อภิปรายเปิดภาพรวมถึงปัญหาการจัดเก็บรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และเหตุผลที่ควรมีการปรับลดงบประมาณลงราว 2 แสนล้านบาท เหลือ 3.5 ล้านบาทเศษ
โดย น.ส.ศิริกัญญา เริ่มต้นการอภิปรายด้วยการยกข้อมูลหน่วยงานที่มีการปรับลดงบประมาณ สูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ รัฐวิสาหกิจ, กระทรวงอุตสาหกรรม, กระทรวงการคลัง, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงกลาโหม รวมแล้วตัดลดงบได้ราว 4 หมื่นล้านบาท
แต่ปัญหาคือ การปรับลดงบประมาณครั้งนี้ มีส่วนที่ไม่ควรตัด แต่ก็ตัดไป เช่น รัฐวิสาหกิจ ซึ่งหลายรายการเป็นงบประมาณที่ต้องใช้ชำระหนี้จากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ขณะเดียวกัน ก็ยังมีส่วนที่เป็นไขมันส่วนเกินที่ยังรีดได้อีกเยอะมาก แต่ไม่ถูดตัดไป ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่ซ้ำซ้อน ไม่สมเหตุสมผล ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่ยังมีไขมันแทรกซึม และมีโครงสร้างที่ปรับเปลี่ยนได้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ยังมีความจำเป็นต้องปรับลดงบประมาณลง เนื่องจากประเทศไม่ได้มีความสามารถหรือมีกำลังมากพอจะใช้จ่ายเงินถึง 3.7 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากการประมาณการรายได้ของปี 2568 ซึ่งถูกประมาณการมาตั้งแต่เดือนธ.ค. 66 ซึ่งขณะนั้นมีการตั้งงบประมาณไว้ที่ 3.6 ล้านล้านบาท ประมาณรายได้น่าจะจัดเก็บได้ 2.887 ล้านล้านบาท โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตถึง 3.2% และมีการประมาณการหนี้สาธารณะ ราว 63%
แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากจากเดือนธ.ค. 66 จนมาถึงเดือนพ.ค. 67 ที่มีการตั้งงบประมาณขาดดุลจนเกือบชนเพดาน อีกทั้งเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากเดิมคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ 3.2% และลดลงมาเหลือเพียง 2.5% ย่อมส่งผลกระทบกับการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลโดยตรง อีกทั้งหนี้สาธารณะปี 2567 ยังสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนธ.ค. 66 ที่ 62.7% กลายเป็น 65.7% และประมาณการว่า หนี้สาธารณะปี 2568 จะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 2%
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า แม้เหตุการณ์จะเปลี่ยนแปลงแต่ งบประมาณปี 2568 กลับไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเลย โดยเฉพาะประมาณการรายได้ และยังมีแนวโน้มที่จะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย เช่น กรมสรรพสามิต ที่ตั้งเป้าไว้ในปี 2567 ว่าจะจัดเก็บรายได้ได้เกือบ 6 แสนล้านบาท พอเก็บจริงกลับเก็บได้ไม่เกิน 5.3 แสนล้านบาท หลุดเป้าหมายไปเกือบ 7 หมื่นล้านบาท เนื่องมาจากมีการปรับลดภาษีน้ำมันช่วยเหลือค่าครองชีพ การปรับลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า และภาษีบุหรี่ ที่จัดเก็บพลาดเป้าไปเกือบ 1 หมื่นล้านบาท
สำหรับปี 2568 ที่มีการตั้งเป้าไว้อย่างท้าทายว่าจะจัดเก็บรายได้ได้ราว 6 แสนล้านบาทเศษนั้น มองว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะจัดเก็บได้ตามเป้า เพราะนโยบายภาษีรถยนต์ไฟฟ้า ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลง ส่วนภาษีบุหรี่ ก็ไม่มีการปรับปรุงนโยบายแต่อย่างไร
"ดังนั้น เพื่อความระมัดระวัง และการรองรับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคตได้ จึงขอปรับลดงบประมาณปี 2568 ลงราว 2 แสนล้านบาท เหลือ 3.5 ล้านล้านบาท" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว