น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงนโยบายของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภา ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้วว่า นโยบายในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะมีการสรุปทุกอย่างในวันนี้ เนื่องจากยังมีในเรื่องของการใช้คำที่จะต้องปรับปรุงเพื่อให้ทุกฝ่ายได้เข้าใจ แต่นโยบายนั้นถือว่าเสร็จสิ้นแล้ว และต้องมีการหารือกับทางพรรคร่วมรัฐบาลด้วย
ในส่วนนโยบายพรรคเพื่อไทยยังคงนโยบายเดิม และมีการปรับรายละเอียดเล็กน้อยในส่วนนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัล วอลเล็ต และมีการอธิบายบางนโยบายให้เข้าใจง่ายขึ้น
สำหรับนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแนวคิดทั้ง 2 พรรคแตกต่างกันนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบนโยบายแล้ว จะมีการพูดคุยในรายละเอียด ที่ผ่านมาได้มีการทำความเข้าใจกันอยู่แล้ว ซึ่งก็จะเหลือการเขียนรายละเอียดลงในร่างนโยบาย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงสิ่งแรกที่ตั้งใจจะทำหลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ คือ การส่งเสริมการลงทุนที่นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ทำไว้ก็จะทำต่อ และยังมีอีกหลายเรื่อง เพราะได้มีการหารือกันแล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งมีหลายฝ่ายได้ขอความมั่นใจมาแล้ว แม้จะเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ยังคงเป็นพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนเดิม ดังนั้นจะทำทุกอย่างไม่ให้คนไทยเสียโอกาส ขณะเดียวกัน ยังคงเดินทางการค้าการลงทุนกับต่างประเทศต่อ ซึ่งได้พูดคุยกับหลายหน่วยงานแล้ว
"ในส่วนของนโยบาย ค่อนข้างเหมือนเดิม ก็ไม่อยากให้มีการสะดุดเกิดขึ้น อยากให้ประเทศได้ไปต่ออย่างมีหลักเกณฑ์" น.ส.แพทองธาร กล่าว
ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ได้แสดงวิสัยทัศน์ Vision For Thailand 2024 เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา จะถูกนำมาเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโฉมหน้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า เป็น ครม.ที่ดีมาก และทุกคนมีความพร้อมที่จะสานงานต่อ และทุกคนมารวมกันเพื่อจะเป็นพลังทำเพื่อประชาชนให้ประเทศไปต่อ ดังนั้นหลายคนก็มีทั้งหน้าใหม่ และหน้าเดิม ซึ่งทุกคนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ตรงนี้ ซึ่งตนยังไม่ได้ตั้งตัวชี้วัดการทำงาน
ขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องหน้าตาของคณะรัฐมนตรีที่ใช้บุคคลสืบต่อกันแบบครอบครัว ซึ่งอาจมีการใช้คำที่แรงว่า "ครม.สืบสันดาน" ทำให้ น.ส.แพทองธาร ร้อง "โห" ก่อนกล่าวว่า "แรงจริงด้วย ใช้คำแรงจัง" พร้อมระบุว่า จริง ๆ แล้วมีอยู่หลายรูปแบบ แต่อยากให้มองในเรื่องของความตั้งใจที่ถ่ายทอดกันมาผ่านคนใกล้ชิดคนรู้จัก
"หลายอย่างในชีวิต ที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน อาศัยความภูมิใจของคนข้าง ๆ เพราะฉะนั้น คำว่าเป็นครอบครัวไม่ใช่ข้อเสีย แต่เป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า ที่ทำให้เห็นว่าคนหนึ่งเคยทำให้ประเทศแบบนี้ อีกคนหนึ่งในครอบครัวมีแรงผลักดันแบบนี้เช่นกัน มันเป็นแบบนั้น"น.ส.แพทองธาร กล่าว
ในขณะที่คำว่าครอบครัว ส่งผลให้มีคนไปร้องเรื่องครอบงำ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "สงสารนายกฯ บ้าง อย่าฟ้องอะไรเยอะเลย เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แล้ว และตั้งใจทำงานเต็มที่ บางทีเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ไปความสำคัญมากเลย เรื่องฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลย มันไม่ได้มีความผิดแบบนั้นอยู่แล้ว" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมยืนยันว่า การวิพากษ์วิจารณ์จากบุคคลอื่น ไม่ทำให้รู้สึกบั่นทอนจิตใจในการทำงาน ซึ่งถือเป็นสิทธิแต่ละบุคคล แต่ขอให้วิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ใช้อารมณ์ เพียงแต่ขอกำลังใจกันบ้าง
ส่วนการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขอดูรายละเอียดก่อน ซึ่งจะต้องมีการแยกการทำงานของรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วันนี้จะดูในเรื่องของเอกสาร แต่ไม่ได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีเข้ามาแต่อย่างใด