ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ได้แจ้งต่อที่ประชุมถึงการลาออกของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน จากตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ขณะที่ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน ขออภิปรายเพื่อเสนอความเห็นต่อที่ประชุม ว่า พรรคประชาชนจะรักษาตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน โดยไม่เสนอชื่อชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ พร้อมขอฝากไปยังว่าที่รองประธานสภาฯ ให้สานต่อวิสัยทัศน์ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ว่า "สภาโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นสภาฯ ของประชาชน เป็นสภาก้าวหน้า รองรับความหลากหลาย และเป็นพื้นที่ปลอดภัยของประชาชน
โดยเมื่อเข้าสู่วาระการเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 พบว่ามีการเสนอชื่อเพียงคนเดียว คือ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย จึงถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งเป็นการเสนอโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
ทั้งนี้ นายพิเชษฐ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ โดยระบุตอนหนึ่งว่า จะทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และควบคุมการทำงานของฝ่ายบริหาร รวมถึงมีนโยบายให้สภาฯ ใกล้ชิดประชาชน จัดให้มีสภาประจำจังหวัดทดลอง ย่างน้อย 5 จังหวัด ปรับปรุงอาคารรัฐสภาให้สวยงาม สมบูรณ์ สร้างท่าเทียบเรือฝั่ง สว. สส. ภายในปี 2568 ทำที่จอดรถ 3,000 คัน ให้ถูกต้องตามกฎหมายของ กทม. รีบให้มีการบริหารความปลอดภัยภายในอาคารเร่งด่วน และการป้องกันอัคคีภัย และจัดชุดป้องกันอัคคีภัยให้เร็วที่สุด และช่วยงานประธานสภาฯ ให้การประชุมเรียบร้อย เสริมสร้างศักยภาพของสมาชิกให้พัฒนาท้องถิ่น รวมถึงนำรัฐสภาไทยก้าวขึ้นสู่รัฐสภาผู้นำอาเซียน และเอเชียต่อไป
ขณะที่การเลือกตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 2 มีการเสนอชื่อ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เพียงคนเดียวเช่นกัน จึงถือว่าเป็นผู้ได้รับเลือกตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งเป็นการเสนอโดย นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ด้านนายภราดร ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมตามข้อบังคับ ตอนหนึ่งว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการเสนอชื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยตนใช้เวลาที่สภาฯ 17 ปี เกือบครึ่งชีวิต มีความผูกพันกับองค์กร และสภาฯ จนเปรียบเป็นบ้านหลังที่สอง พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เป็นรองประธานสภาฯ ของพรรคภูมิใจไทย หรือฝ่ายรัฐบาล แต่จะเป็นรองประธานสภาฯ ของ สส.ทั้ง 493 คน และพร้อมจะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และจะทำให้ดีที่สุด ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และทำให้สภาฯ เป็นของประชาชน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่น เกียรติยศให้สภาฯ เชิดหน้าชูตาของประชาชน