นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เข้ายื่นหนังถือถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ตรวจสอบ กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำพรรคเพื่อไทย โดยระบุประเด็นที่นำมาสู่การร้องเรียน ใน 3 สาระสำคัญ
1. กรณีวันที่ 14 ส.ค.67 ที่นายทักษิณ ชวนแกนนำบางส่วนของพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล มาเจรจาพูดคุยจัดตั้งรัฐบาล หลังมีกระแสข่าวนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งแม้วันรุ่งขึ้น จะมีการประชุมจนกระทั่งพรรคเพื่อไทย เปลี่ยนตัวผู้ที่จะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จากนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แต่ก็ถือว่า "การกระทำสำเร็จแล้ว" และเหตุการณ์ในช่วงเย็นวันที่มีการพูดคุยกัน ก็ไม่เคยมีหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล หรือแกนนำคนไหนออกมาปฏิเสธ
2. กรณีวันที่ 20 ส.ค.67 ที่นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ 2 ประเด็น โดยประเด็นแรก มีผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ น.ส.แพทองธาร ควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม หรือไม่ ก่อนที่นายทักษิณจะตอบว่า "มันหนักเกินไป แค่นี้ก็แย่แล้ว" จึงมองว่าเป็นการชี้นำ น.ส.แพทองธาร ซึ่งมีสถานะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอีกประเด็นที่นายทักษิณพูดว่า "ไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง" ซึ่งมองว่าเป็นคำที่หนักกว่า "ครอบงำ" เสียด้วยซ้ำ เพราะแสดงถึงความเป็นเจ้าของ ซึ่งหากจะบอกว่า เป็นลูกสาว และสามารถปรึกษากันได้นั้น ส่วนตัวก็มองว่าควรไปปรึกษากันที่บ้าน ไม่ใช่มาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ
3. กรณีที่นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ กรณีนำพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ที่นายทักษิณ ระบุว่า รัฐบาลต้องการเสียงเพียงพอต่อการผ่านกฎหมาย ก่อนที่สุดท้ายจะมีการชวนพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลจริง ๆ และอีกประเด็นคือ กรณีพรรคพลังประชารัฐ ที่มี 2 กลุ่มคือ กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และกลุ่ม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งนายทักษิณพูดชี้นำชัดเจนว่า จะเอากลุ่มไหนมาร่วมรัฐบาล และสุดท้ายก็เป็นไปตามนั้น ดังนั้น จึงมองว่าเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายว่านายทักษิณ ชี้นำการจัดตั้งรัฐบาล
นพ.วรงค์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ไม่เคยรับเงินในการออกมาร้องเรียนเรื่องต่าง ๆ และไม่ได้ร้องเรียนพร่ำเพรื่อ แต่ร้องเรียนเฉพาะเรื่องที่ควรร้องเท่านั้น เช่น เรื่องชั้น 14 รพ.ตำรวจ และโครงการจำนำข้าว
"ที่มีรายงานข่าวว่า มีนักร้องรับเงินนั้น ให้บอกมาเลยว่าใคร หากบอกว่าเป็นผม จะได้ฟ้องกลับ เพราะขนาดตอนที่ร้องเรื่องจำนำข้าว โครงการมูลค่า 940,000 ล้านบาท ถ้าจะรับเล็ก ๆ น้อย ๆ ซัก 500-1,000 ล้านบาท ก็รวยไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มีคนมาเจรจาด้วย แต่ผมก็ไม่ได้รับ" ประธานพรรคไทยภักดี ระบุ