น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายสนับสนุนนโยบายรัฐบาลว่า รัฐบาลชุดใหม่จะทำให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ โดยรับไม้ต่อจากรัฐบาลชุดก่อน สร้างนโยบายใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ สร้างความเปลี่ยนแปลงและผลสำเร็จให้เกิดขึ้นจริงได้อย่างแน่นอน เรียกว่า 1 ปี ซ่อม 3 ปีสร้าง วางรากฐานโอกาสไทย
"1 ปีซ่อมของนายเศรษฐา เหมือนกับการปรับหน้าดินที่มีปัญหาให้กลับมาเป็นเนื้อดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นการเตรียมหน้าดินให้พร้อมกับการลงเมล็ดพันธุ์ใหม่ในการเพาะปลูกครั้งต่อไป 3 ปีสร้างที่จะเกิดขึ้นกับ น.ส.แพทองธาร เปรียบเสมือนการหว่านเมล็ด ใส่ปุ๋ย รดน้ำและพรวนดิน เพื่อเป็นการสร้างการเติบโตให้กับเมล็ดพันธุ์ที่รัฐบาลชุดนี้จะทำการเพาะปลูกลงไป และเตรียมรอรับดอกผลการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต" น.ส.ขัตติยา กล่าว
น.ส.ขัตติยา อภิปรายว่า คำพูดของ น.ส.แพทองธาร ตั้งแต่ช่วงหาเสียงที่ระบุว่า "อยากเห็นคนไทย มีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี" จนมีการนำไปพูดตลกล้อเลียนนั้น หากมองด้วยใจที่เป็นธรรม ไม่มีอคติและความเกลียดชังทางการเมือง จะพบว่าประโยคดังกล่าวไม่ใช่คำพูดล้อเล่น ไม่ใช่เรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วประโยคนี้มีหลักการ 3 ข้อที่สะท้อนถึงความฝันที่อยากเห็นสังคมที่ดี สังคมที่น่าอยู่ และสังคมที่มีความเป็นธรรม
1.มีกิน มีใช้ สะท้อนสังคมที่มีระดับกระจายทรัพยากรทางเศรษฐกิจ มีการกระจายโอกาสและมีการกระจายความมั่งคั่งอย่างทั่ว ทำให้สังคมไม่มีความเหลื่อมล้ำมากเกินไป สังคมที่มีกินมีใช้คือสังคมที่ประชาชนหรือ คนส่วนใหญ่สามารถเข้าถึงทรัพยากรทางเศรษฐกิจเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตและพัฒนาตนเองได้อย่างมีคุณภาพ
2.มีเกียรติ สะท้อนถึงสังคมที่เคารพและยอมรับในความแตกต่างหลากหลายทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเพศสภาพ วัฒนธรรม ศาสนา ชาติติพันธ์ สังคมที่มีเกียรติ คือสังคมที่สามารถอยู่ร่วมกับความแตกต่างหลากหลายได้ พลเมืองทุกคนให้เกียรติซึ่งกันและกัน แม้จะมีความแตกต่างกัน และพลเมืองทุกคนได้รับการปฏิบัติจากรัฐด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติทั้งในระดับกฎหมายและระดับของนโยบาย
3.มีศักดิ์ศรี สะท้อนให้เห็นสังคมที่มีรากฐานทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองที่เข้มแข็ง พลเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีทุกๆด้าน จนทำให้สังคมนั้นมีชื่อเสียงและรับการยอมรับจากสายตาชาวโลก
"อยากขอฝากความเชื่อมั่นและความหวังของคนไทยทุกคนเอาไว้ในมือของ น.ส.แพทองธาร และคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ดิฉันเชื่อมั่นศักยภาพและวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย เราจะมีโอกาสได้เห็นประเทศนี้กลับมาเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยความหวัง เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความฝัน เต็มไปด้วยโอกาส และทำให้คนไทยรู้สึกภาคภูมิใจอีกครั้ง" น.ส.ขัตติยา กล่าว
นายขวัญชัย แสนหิรัณย์ สว. กลุ่มวิทยาศาสตร์ ระบุว่า การสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วน เชื่อว่าจะไม่สามารถทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ภายใน 3-5 ปี หรือทันในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เพราะต้องใช้เวลาในแต่ละขั้นตอนจำนวนมาก ทั้ง สถานที่จัดสร้าง การหาสถานที่ มีตัวอย่างจากการสร้างอาคารรัฐสภาที่พบว่าต้องใช้เวลาหาสถานที่ก่อสร้างนานหลายรัฐบาล นอกจากนั้นแล้วใครจะเป็นผู้ลงทุน การลงทุนจะใช้นานแค่ไหน จะใช้รูปแบบสัมปทาน 20 ปี ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะสัมพันกับการให้เช่า 99 ปีหรือไม่ นอกจากนั้นประชาชนจะได้อะไรจากโครงการดังกล่าว แม้จะได้สถานที่ท่องเที่ยว ได้เล่นการพนันถูกกฎหมาย แต่อาจจะทำให้ประชาชนเสียโอกาสและเกิดปัญหาสังคม
พร้อมมีข้อสังเกตว่า เป็นโครงการใช้เวลานานไม่สอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วน เพราะสิ่งที่เร่งด่วนตอนนี้คือการแก้ปัญหาให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย วาตภัยมากกว่า
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า จุดยืนของพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขัดข้องที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธว่าเรื่องนี้ขึ้นชื่อในอันดับต้น ๆ ของโลกในเรื่องบริการและบันเทิง โดยอยากเห็นการนำสถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า สวนสนุก สวนน้ำ ผับ เธค นวด หรือแม้กระทั่ง Sex Worker สิ่งที่เคยหลบ ๆ ซ่อน แต่เรามองเห็นจนชินตา ซึ่งต้องจ่ายส่วยใต้โต๊ะให้นำมารวมกันและเอาขึ้นมาบนดิน เป็นแหล่งบันเทิงที่ควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในส่วนนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนที่จะนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนโต๊ะและจัดเก็บภาษี
แต่ไม่อยากเห็นโครงการดังกล่าวมาจากทุนขนาดใหญ่ระดับหมื่นล้าน และลงทุนเพียง 1-2 แห่ง ไม่อยากเห็นการกระจุกเพียงแค่หัวเมือง แต่อยากเห็นการกระจายไปทั้งหัวเมืองเล็กและต่างจังหวัดที่มีความพร้อมเพื่อกระจายรายได้ รวมทั้งการจัดเก็บภาษีไปช่วยคนจน สร้างสาธารณูปโภค พัฒนาการศึกษา และพัฒนาประเทศ
"ถ้าเราจะทำจริง ๆ ทำไมไม่ให้รัฐเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมด เอารายได้จากเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาเป็นรายได้ของรัฐทั้งหมด ไปช่วยคนยากจน คนตกทุกข์ได้ยาก ทำให้คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติศักดิ์ศรีไปด้วยกัน ถ้าทำจะเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่นายทุนคนใดคนหนึ่ง" นายกรวีร์ กล่าว