ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายรัฐบาลที่มีน.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี วันสุดท้าย สมาชิกรัฐสภา ทั้งสส. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงบรรดาคณะรัฐมนตรี(ครม.) สลับกันขึ้นมาอภิปราย ตอบชี้แจง กันอย่างกว้างขวาง มีการประท้วงโต้เถียงเป็นระยะ ๆ แต่ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายบานปลายจนเกินควบคุมแต่อย่างใด โดยปิดการประชุมในเวลา 01.09 น. รวมใช้เวลากว่า 31ชั่วโมง
สำหรับการอภิปรายสรุปของฝ่ายค้านโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ระบุว่า วาระนี้ไม่ใช่การแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ แต่เป็นการแถลงความคืบหน้าและแผนงานของรัฐบาลเดิมที่ได้ทำงานครบมาแล้ว 1 ปี เพราะถึงแม้นายกรัฐมนตรีอาจจะเปลี่ยนคน แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนพรรค ถึงแม้รัฐมนตรีบางกระทรวงอาจจะเปลี่ยนชื่อ แต่หลายคนก็ไม่ได้เปลี่ยนนามสกุล ในขณะที่องค์ประกอบโดยรวมของรัฐบาลก็ยังเป็นแบบเดิม มีเพียงการเปลี่ยนอะไหล่เล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ได้มีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด
หากจะประเมินนโยบายรัฐบาลเศรษฐา ระยะสั้น 5 เรื่องที่ประชาชนคาดหวังจะทำให้สำเร็จ 1 ปี ได้แก่ ดิจิทัลวอลเล็ต เป็นแค่ลมปากกลับไปกลับมา ซึ่งตลอด 1 ปีหมกมุ่นอยู่กับการกับการปัญหาจนไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่กลับไป กลับมา จากที่เคยบอกแจกสงกรานต์ จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถแจกได้แม้แต่บาทเดียว เรื่องปัญหาหนี้สิน เป็นมาตรการเดิม ๆ เพิ่มเติมคืองานอีเวนท์ เรื่องพลังงาน เป็นโปรโมชั่นระยะสั้น เรื่องท่องเที่ยว ก็ขยันผิดจุด ทำมาก แต่ยังไม่ตรงจุด เรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ยึก ๆ ยัก ๆ เดินหน้าเป็นวงกลม ประชามติยังไม่เกิด
"ผลงานรัฐบาลเศรษฐา ในมิตินโยบายระยะสั้น 5 ข้อ เปรียบเสมือนกับการนำพาประเทศไทยขึ้น "รถไฟเหาะ" ที่เหมือนจะเดินไปข้างหน้า แต่เดินแบบซ้ายที ขวาที ขึ้น ๆ ลง ๆ ตีลังกาไปตีลังกามา แต่สุดท้ายก็นำพาประเทศกลับมาอยู่ที่จุดเดิม 1 ปีที่ผ่านมารัฐบาลเศรษฐา พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถทำได้ตามคำพูดที่แถลงเอาไว้ต่อรัฐสภา แล้วอะไรจะเป็นรับประกันว่าในอีก 3 ปีข้างหน้ารัฐบาลของคุณแพทองธาร จะสามารถทำตามคำพูดสวยหรูที่ได้ให้ไว้กับรัฐสภาตลอด 2 วัน ที่ผ่านมา" นายพริษฐ์ กล่าว
ส่วนชุดนโยบายรัฐบาลแพทองธาร นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากนำของทั้ง 2 รัฐบาลเศรษฐา มาเปรียบเทียบกันจะเห็นว่ารัฐบาลแพทองธาร มีปัญหาหลัก 3 ด้านคือ 1. คิดไม่ครบ มาตั้งแต่ต้นเลยทำให้กลับไปกลับมา บางเรื่องต้องยอมถอย เช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่สุดท้ายต้องกลับลำแบบ 180 องศาในนโยบายเรือธง ค่าแรงขั้นต่ำ 2. คิดไม่ออก เลยต้องเขียนกว้าง ๆ ไว้ก่อน เช่น การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น สวัสดิการทุกช่วงวัย 3. คิดไม่ซื่อ โดยเอาประชาชนมาบังหน้า เช่น สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาในนโยบายท่องเที่ยว ที่ดูเหมือนไม่ได้ยึดประชาชนเป็นตัวตั้ง เพราะควรจะออกมายืนยันว่าจะตั้งในเมืองรองเพื่อกระจายนักท่องเที่ยวและกระจายรายได้ไปทุกภูมิภาค แต่ดูเหมือนรัฐบาลจะไปตั้งอยู่เมืองใหญ่ ซึ่งมีการลือกันว่ากลุ่มทุนใหญ่กำลังแย่งชิงสัมปทานกันอยู่ เรื่องรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
พร้อมระบุถึงความกังวลที่จะเป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลในการผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเป็นบทพิสูจน์ต่อภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย คือ 1. ครม.เสี่ยงเป็นครม.ต่างคน ต่างอยู่ ไม่สามารถผลักดันนโยบายที่ต้องอาศัย การประสานงานข้ามกระทรวงได้ 2. ครม.ชุดนี้ เสี่ยงเป็น "ครม.ตรายาง" ที่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างแท้จริง จะเกิดวิกฤตในการบริหารราชการแผ่นดินจะตามมาอย่างแน่นอน 3.ครม.ชุดนี้เสี่ยงเป็น "ครม.ตัวประกัน" ที่จะเจออุปสรรคในการผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างทางการเมือง เมื่อ 1 ปีที่แล้วพรรคเพื่อไทยตัดสินใจตัดขาดกับพรรคก้าวไกล เพื่อวิ่งเข้าหาเครือข่ายอำนาจเก่าและจับมือกันตั้งรัฐบาล จนไปอยู่ในสภาวะการเป็นตัวประกันในอุ้งมือเครือข่ายอำนาจเก่า
"วันนี้รัฐบาลและนายกฯ กำลังยืนอยู่บนทาง 2 แพร่ง หากท่านยังเลือกวิ่งเข้าหาเครือข่ายอำนาจเดิม โดยเอาอนาคตของประชาชนทุกคนไปแลก ก็อย่าหวังว่าจะได้รับความเห็นใจจากประชาชน และแม้เครือข่ายอำนาจเก่าอาจจะยังปราณีท่านไว้ชั่วคราว เพราะหวังจะใช้พวกท่านเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างภัยคุกคามใหม่อย่างพวกตนเอง ท้ายที่สุดแล้ว หากเขาทำสำเร็จ ตนเองเชื่อว่าเขาก็อาจจะไม่เก็บภัยคุกคามเก่าอย่างพวกท่านไว้ด้วยเช่นกัน หากรัฐบาลเลือกหันหลังให้กับอำนาจเก่า แล้ววิ่งเข้าหาประชาชน มาร่วมมือกับพรรคประชาชนในบางวาระ เพื่อปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองให้กลับมาเป็นประชาธิปไตยปกติ ให้อำนาจจากการเลือกตั้งอยู่เหนืออำนาจจากการแต่งตั้ง เชื่อว่าแม้จะเห็นต่างกัน จะสามารถฝ่าฟันกับดักและนิติสงครามของอำนาจเก่าไปได้อย่างแน่นอน" นายพริษฐ์ กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นตัวแทนรัฐบาลกล่าวปิดการแถลงนโยบายของรัฐบาล ระบุว่า ตลอดระยะเวลา 2 วัน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านได้รับฟังข้อเสนอแนะและความเห็น สส. ทั้งฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล ตลอดจนสมาชิกวุฒิสภาทุกคนซึ่งล้วนแต่เป็นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อยู่บนฐานเจตนารมณ์เดียวกัน กับนโยบายต่าง ๆ แม้จะมีการอภิปรายที่เบี่ยงเบนในจากข้อเท็จจริงบ้างและบางครั้งเกิดจากการจินตนาการไปไกลเกินกว่าความเป็นจริง แต่ถือว่าข้อเสนอทั้งหลายเริ่มต้นจากเจตนาที่อยากจะเห็นบ้านเมืองได้รับประโยชน์ ครม.จะนำเอาข้อเท็จจริงเหล่านี้ไปจำแนกแยกแยะ เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดต่อประเทศ พร้อมที่จะนำข้อเสนอและข้อคิดเห็นของสมาชิกทุกคนไปประกอบการพิจารณาดำเนินการ ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อไป
"รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ที่จะช่วยสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียมให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ และศักดิ์ศรี เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของรัฐบาลและสมาชิกสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ทุกคน"นายภูมิธรรม กล่าว