นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ว่า ขณะนี้หลายจังหวัดในพื้นที่ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง กำลังประสบเหตุน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะจังหวัดเชียงราย และจังหวัดริมแม่น้ำโขงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สถานการณ์อุทกภัยขยายวงกว้างมากขึ้น
ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัย 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน น่าน ตาก สุโขทัย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย เลย อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา และปราจีนบุรี รวม 39 อำเภอ 182 ตำบล 797 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,073 ครัวเรือน และกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงเดือนนี้ปริมาณฝนยังคงตกหนาแน่นเพราะได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อน ซึ่งอาจจะเคลื่อนผ่านหรือเคลื่อนเข้าใกล้ประเทศไทย ทำให้เกิดฝนตกหนักบางพื้นที่ เมื่อมาสมทบกับพื้นที่มีฝนตกสะสมและปริมาณน้ำสะสมในพื้นที่ อาจทำให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งได้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกขึ้นได้
นายอนุทิน กล่าวว่า ได้สั่งการให้เร่งระดมช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยด่วน โดยเฉพาะงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย หากจังหวัดใดงบประมาณไม่เพียงพอให้รีบดำเนินการขอขยายวงเงินทดรองราชการ เพื่อไม่ให้งบประมาณในการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนสะดุด สำหรับพื้นที่ที่น้ำท่วมลดลงเริ่มคลี่คลายแล้วได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งสำรวจความเสียหายของครัวเรือนประชาชน เพื่อดำเนินการฟื้นฟูและเยียวยาประชาขนอย่างเร็วที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินงานแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนเป็นไปด้วยความคล่องตัว ทั่วถึง และรวดเร็ว ได้เน้นย้ำแนวทางการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยในห้วงต่อไป และลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นให้น้อยที่สุด โดยให้จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยเร่งเข้าความช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดค้างอยู่ในที่อยู่อาศัย โดยจัดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับผู้ประสบภัยให้เพียงพอ ตลอดจนให้ดูแลด้านการดำรงชีพเบื้องต้นให้เพียงพอ เหมาะสม และให้พิจารณาความต้องการพิเศษ โดยเฉพาะผู้ประสบภัยที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้พิการ เด็ก และผู้ป่วย รวมถึงจัดทีมแพทย์เข้าดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจผู้ประสบภัย พร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย และเร่งฟื้นฟูระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและน้ำประปาที่ได้รับความเสียหาย ต้องกลับมาให้บริการประชาชนได้ตามปกติโดยเร็ว
สำหรับพื้นที่ที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมือ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน เปิดเส้นทางคมนาคมให้สามารถสัญจรได้ตามปกติโดยเร็ว และประสานสถาบันการศึกษาให้นำนักศึกษาอาชีวศึกษาเข้าร่วมสนับสนุนการซ่อมแซม ระบบไฟฟ้า พาหนะ บ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งด้านชีวิต ด้านที่พักอาศัย ด้านสิ่งสาธารณูปโภค ด้านสิ่งสาธารณประโยชน์ และด้านการประกอบอาชีพ พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือ ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และจัดทำแผนการฟื้นฟูทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์อุทกภัยในระยะเร่งด่วนในห้วงต่อไป โดยเฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนประชาชนทราบถึงสถานการณ์ภัยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมแจ้งวิธีการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัย และช่องทางการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ โดยกำชับให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เครือข่ายอาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสาให้ความสำคัญกับการจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบให้เพียงพอ หากเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นในพื้นที่ให้ดำเนินการตามระบบบัญชาการเหตุการณ์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 และแผนเผชิญเหตุอุทกภัย โดยให้ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดภายใต้การอำนวยการของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการอำนวยการ ควบคุม และประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้เป็นไปอย่างมีเอกภาพ
เพื่อให้การเตรียมการรับมือและเผชิญเหตุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จะดำเนินการเชื่อมโยงวอร์รูม (War Room) ศูนย์ปฏิบัติการสถานการณ์น้ำท่วม อว. กับกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อร่วมคาดการณ์ ประสานการแจ้งเตือนสถานการณ์ให้ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่รวดเร็วถูกต้อง ชัดเจน และเป็นเอกภาพ รวมไปถึงการสื่อสารความเสี่ยงเกี่ยวกับข้อมูลสถานการณ์น้ำไปยังพื้นที่เสี่ยงได้ตรงเป้าหมายและทันต่อสถานการณ์ ซึ่งจะลดความสูญเสียและผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด