นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญที่ต้องทำประชามติ 3 ครั้งว่า ได้พูดในที่ประชุมรัฐสภาแล้วว่าขณะนี้รอกฎหมายประชามติให้ผ่านวุฒิสภา หากมีการแก้ไขอย่างไรต้องกลับมาแก้ที่สภาผู้แทนราษฎร และต้องหารือกันว่าจะเห็นตามนั้น หรือจะต้องแก้ไขอย่างไร
ทั้งนี้ หากกฎหมายประชามติผ่าน หลังจากนั้นก็จะดำเนินการขั้นตอนที่ 1 คือ การสอบถามประชาชนตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่าจะประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากประชาชนตอบรับก็เดินหน้าไปขั้นตอนที่ 2 คือ การแก้ไขมาตรา 256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งก็ต้องทำประชามติอีกครั้ง เพราะเป็นการแก้ไขมาตรา 256
จากนั้นหากให้มี ส.ส.ร. มาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ให้ประชาชนเห็นชอบอีกครั้ง และเป็นขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งดูเหมือนยืดเยื้อและยาวนาน เหตุผลเพราะมีปัญหาในเรื่องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า เท่าที่ได้ประสานกับพรรคประชาชน และฝ่ายค้าน มีความคิดว่าต้องการชวนพรรคร่วมรัฐบาลมาแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา รายประเด็นควบคู่กันไป เช่น เรื่องจริยธรรม เรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งเป็นปัญหาในทางปฏิบัติ ขณะนี้มีการพิจารณายกร่างและประสานกับฝ่ายรัฐบาลคืบหน้าไปมากพอสมควร ซึ่งการแก้ไขเป็นรายมาตรานั้น ทุกพรรคการเมืองจะเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
สำหรับการพิจารณากรอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรานั้น ก็อยากทำให้เร็ว โดยอาจจะสอบถามประชาชนไปพร้อมกันกับประชามติครั้งที่ 1 ซึ่งตั้งเป้าว่าจะดำเนินการในช่วงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะหมดวาระในช่วงเดือนธันวาคมนี้