ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคฝ่ายค้านโดย นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ได้จี้ถามนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ถึงประเด็นการประชุมไตรภาคีที่ล่มแล้วล่มอีกว่า เป็นการเมืองเล่นละครตบตาเพื่อบ่ายเบี่ยงการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใช่หรือไม่
โดยนายพิพัฒน์ ยืนยันว่าพร้อมเดินหน้านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ โดยตนมีความตั้งใจให้มีการปรับค่าแรงเป็นวันละ 400 บาทในวันที่ 1 ต.ค.67 แม้จะมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีมาเป็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ไม่ได้กำหนดเรื่องค่าแรงขั้นต่ำไว้ในนโยบายรัฐบาล แต่ตนถือว่าได้รับโจทย์มาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน จึงพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป
"ผมมีความมุ่งมั่นก้าวแรกให้จบไปให้ได้ก่อนคือ ค่าแรงขั้นต่ำของเดือน ต.ค.นี้ให้จบที่ 400 บาท เมื่อเราประกาศค่าแรงขั้นต่ำที่ 400 บาทจบแล้ว ผมจะขอชี้แจงให้ทราบว่าเราจะมีไทม์ไลน์ที่จะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนอกเหนือจากนี้อีกเมื่อไหร่ เพราะถ้าจะพูดว่ามีไทม์ไลน์ 1, 2, 3, 4, 5 แล้วผมไม่ดูถึงสถานะของผู้ประกอบการหรือสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ประกาศไปก็เป็นเพียงลมปาก แต่ถ้าจะทำให้สำเร็จจริงก็อาจไม่ถึง 600 บาทก็ได้ แต่ขอให้มีความก้าวหน้าในการขึ้นอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่ชาวแรงงานต้องอยู่ให้ได้" นายพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับในการประชุมคณะกรรมการไตรภาคีเพื่อพิจารณาเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำนั้น หากขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง โดยผู้เข้าร่วมประชุมไม่ครบ 2 ใน 3 เราก็ไม่สามารถเปิดประชุมได้ ทำให้เกิดปัญหาการประชุมล่มถึง 2 ครั้ง
"เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากที่ผมกำกับหรือบังคับได้ เพราะ รมว.แรงงาน ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซง หรือเข้าไปนั่งในห้องประชุมได้ สิ่งที่ผมให้สัมภาษณ์ไปเป็นการให้นโยบาย ไม่ใช่การแทรกแซง" นายพิพัฒน์ กล่าว
กรณีผู้มาประชุมไม่ครบในวันที่ 20 ก.ย.67 หากจะพูดว่าเป็นเทคนิคก็ได้ เพราะหากมีการประชุมแล้วโหวตในวันนั้น ฝ่ายนายจ้างยืนยันคัดค้านทั้ง 5 คน ฝ่ายรัฐบาลถ้ามีครบ นอกเหนือจากตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่เข้าประชุม อยากขอถามว่าถ้ามีการประชุมในวันนั้น ผู้ที่จะเสียหายคือกลุ่มใด แน่นอนฝ่ายนายจ้างก็ไม่อยากขึ้นค่าแรง เพราะสภาวะเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้พวกเราทุกคนทราบ สิ่งที่เพิ่มต้นทุนให้กับฝ่ายนายจ้างคือดอกเบี้ยที่สูงเกินความจริงนอกเหนือจากอัตราเงินเฟ้อ
"ผมคิดว่าในรัฐบาลมีหลายฝ่ายที่พยายามจะเจรจากับทาง ธปท.ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือฝ่ายนายจ้าง ซึ่งตลอดเวลา ธปท.อ้างว่า หนี้สินครัวเรือนเราสูงมาก ผมไม่เถียง แต่ถามว่าวันนี้ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของภาครัฐ มีปล่อยกู้ให้ใครได้บ้าง เต็นท์รถมือสองทยอยปิดตัวเองตลอดเวลา และการยึดรถมีการยึดมาจนล้นลานจอดรถ" นายพิพัฒน์ กล่าว
รมว.แรงงาน กล่าวว่า การที่เราปรับไซส์แรงงาน 200 คน แรงงานไทยได้ประโยชน์ประมาณ 1.7 ล้านคน แรงงานต่างด้าว 5.4 แสนคน ฝ่ายนายจ้างก็จะได้รับผลกระทบ ฝ่ายนายจ้างจะได้รับผลกระทบต่อคนประมาณ 72.78 บาท กระทบค่อนข้างรุนแรงอยู่แล้ว หากถามว่าเราผลักภาระตรงนี้ไปให้กับเอสเอ็มอีหรือไม่ ถ้าเอสเอ็มอีล้ม ความรับผิดชอบก็อยู่ที่กระทรวงแรงงาน เพราะประกาศแบบปูพรม แต่ถ้าเราประกาศ ไซส์ L ไปก่อน หลังจากนั้นมากู้เอสเอ็มอี เมื่อสถานะของเอสเอ็มอีเดินหน้าต่อไปได้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าปีนี้เอสเอ็มอีจะไม่ได้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยทางกระทรวงมีนโยบายว่าในช่วงสิ้นปีต่อเนื่องปี 2568 เราจะมีการประกาศค่าแรงขั้นต่ำเฉพาะเอสเอ็มอีอีกครั้งหนึ่ง ตามที่อนุไตรภาคีในแต่ละจังหวัดส่งข้อมูลมาให้กับทางกระทรวง