สภาผู้แทนราษฎร จัดพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลำดับที่ 11
นายณัฐพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวขอบคุณทุกคนให้ความไว้วางใจในการทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ โดยระบุว่า หลังจากนี้จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถึงทิศทางการทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุล และให้ข้อเสนอแนะกับฝ่ายบริหาร โดยจะคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ และพร้อมเดินหน้าเสนอกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ตลอดจนสนับสนุน และผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอจากฝ่ายใดก็ตาม ตราบใดที่เป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่
"ยืนยันว่า จะทำหน้าที่นี้อย่างตรงไปตรงมาที่สุด ให้คุ้มค่าเงินภาษีของประชาชน ให้สมกับที่ประชาชนเลือกเรามา แม้ว่าจะเป็นในฐานะของฝ่ายค้านก็ตาม" นายณัฐพงษ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า จากนี้ จะเดินสายพบประชาชน ตามโครงการ "ผู้นำฝ่ายค้านพบประชาชน" ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามา นอกจากนี้ จะมีการเตรียมความพร้อมเรื่องการอภิปรายทั่วไป และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นได้ช่วงต้นปี 68
ส่วนการกระชับความสัมพันธ์กับพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะพรรคการเมืองฝ่ายค้านนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะใช้กลไกวิปฯ เดินหน้า ทำงานอย่างเต็มที่ โดยแยกแยะระหว่างงานพรรคกับงานส่วนบุคคล ในกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ถูกร้องเรียนเรื่องจริยธรรม ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ร่วมกันในพรรคฝ่ายค้าน
หลังจากที่ประชุมวุฒิสภามีมติเสียงข้างมาก เห็นชอบให้มีการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ตามการปรับแก้ของ กมธ.วิสามัญฯ โดยกลับไปใช้หลักการเสียงข้างมาก 2 ชั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หาก พ.ร.บ.ประชามติเสร็จไม่ทัน ทำให้กระบวนการพิจารณายืดเยื้อล่าช้าออกไป
อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่ายังพอมีหนทางในการที่จะทำให้การแก้ไขทั้งฉบับทันปี 2570 หากจัดทำประชามติเพียงแค่ 2 ครั้ง พรรคร่วมรัฐบาลก็ออกมาให้ความเห็นว่าทันสอดคล้องกับความเห็นของพรรคประชาชน เรื่องนี้ต้องหารือกับฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อาจต้องทำภายในรัฐสภา หารือกับประธานรัฐสภาว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยอย่างไรที่จะบรรจุร่างแก้ไข