จากกรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ในฐานะประชาชน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ระบุว่า เรื่องที่ยื่นคำร้องเป็นเรื่องเก่า และพยายามทำให้เป็นประเด็นการเมือง โดยคาดหวังว่าเมื่อเปิดออกมาแล้วคนจะตกใจ แต่ทุกคนคงทราบดีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเก่า กรณีกล่าวหาว่านายทักษิณจะเข้ามาก้าวก่าย บางเรื่องเกิดมาเป็นสิบปีแล้วยังหยิบขึ้นมา ดังนั้นจึงไม่กังวล แต่ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการตอบโต้ทางการเมืองหรือไม่ โดยเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น และมั่นใจจะไม่ถูกพรรคเหมือนกับพรรคก้าวไกล เพราะเป็นคนละกรณีกัน
"ได้อ่านคร่าว ๆ แล้ว คิดว่าสิ่งที่ยื่นมานั้นเลอะเทอะมาก และพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแก้ต่างคดีนี้" นายสุริยะ กล่าว
ขณะที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากดูจากคำร้อง 6 ข้อ ตนมองว่าไกลกว่าเหตุที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
"มีสองคำซ้อนกันอยู่ คือ ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย บวกด้วยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งในคำร้องมีความพยายามบรรยายให้เข้าเกณฑ์คำวินิจฉัยของพรรคก้าวไกลว่า เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย ซึ่งมันไกลกว่าเหตุมาก มันเป็นคนละเรื่อง" นายชูศักดิ์ กล่าว
นายชูศักดิ์ กล่าวว่า การที่นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลาย เป็นการบรรยายเกินไป เรื่องของสถาบันฯ นายทักษิณมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างการแก้รัฐธรรมนูญ ปี 2550 นายทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ได้แนะนำมาผ่านคณะทำงานว่า หากจะแก้หมวด 1 หมวด 2 ห้ามแตะนี่ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด และเมื่อถึงรัฐบาลนี้และรัฐบาลที่แล้วก็มีความชัดเจนว่าไม่แก้หมวด 1 หมวด 2 จึงชัดเจนว่าเรายึดมั่นอยู่ในจุดใด และพรรคเพื่อไทยไม่มีเรื่องจะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย
คำร้องยังเขียนว่าร่วมมือกับฝ่ายค้านในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนจึงอยากจะตั้งคำถามว่าในการร่วมมือกันในการทำกฎหมายผิดอะไร อย่างการแก้จริยธรรมให้มีความชัดเจนขึ้นไม่ใช่การยกเลิก แต่เป็นการตีความให้ความชัดเจนขึ้น และเป็นผลดีกับประชาธิปไตย และเห็นว่าเป็นการเอื้อให้กับอดีตนายกฯทักษิณตรงไหน โดยรวมตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าวิตกกังวลอะไร เพราะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมาตลอด ไม่เคยห่างไปจากนี้
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการครอบงำก็มีตัวอย่างชัดเจนเมื่อวันที่นายเศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในคำร้องบอกว่ามีการไปประชุมกันท้ายที่สุดบอกว่าจะเอาคนนี้ แต่ในวันประชุมพรรคกลับเอาอีกคนหนึ่ง คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ก็แสดงให้เห็นว่าเราเป็นตัวของตัวเอง มีอำนาจ มีวิจารณญาณในแง่ของการตัดสินใจ เราเป็นพรรคการเมือง มีคณะกรรมการบริหาร ส่วนการให้คำปรึกษาเป็นธรรมชาติของสังคมจำเป็นต้องรับฟัง หากเป็นเรื่องดีก็นำมาใช้
นายชูศักดิ์ กล่าวถึงการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่นั้น ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องหรือไม่ หากศาลรับคำร้องก็คงจะเรียกไปชี้แจง ตนก็ยินดีเพราะมีคณะทำงานชี้แจงอยู่แล้ว เนื่องจากเกี่ยวข้องมาถึงพรรค โดยหัวหน้าคณะทำงานก็คงหนีไม่พ้นตน พร้อมยืนยันไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา
ด้านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า เรื่องนี้มีการเมืองอยู่เบื้องหลังแน่นอน ไม่ต้องมองเลยเพราะเห็นได้ชัด พร้อมยืนยันว่า คำร้องดังกล่าวไม่ทำให้การทำงานของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยสะดุด