นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีชื่นชมความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ มีความก้าวหน้าครอบคลุมหลากหลายมิติ ซึ่งตนมุ่งมั่นเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังแสดงความเสียใจต่อความสูญเสียจากพายุเฮลีนและมิลตันในสหรัฐฯ ซึ่งไทยประสบปัญหาอุทกภัยเช่นกันและเข้าใจถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น
เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยืนยันถึงความมุ่งมั่นเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไทยและสหรัฐฯ ในฐานะพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญของกันและกัน ซึ่งทราบมาว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับนายแอนโทนี เจ.บลิงเกน (Antony J. Blinken) รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ โดยพูดคุยกันในหลายประเด็น สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างไทยและสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างหารือถึงความร่วมมือไทยและสหรัฐฯ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
ด้านการบริหารจัดการอุทกภัย นายกรัฐมนตรีขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับการช่วยเหลือในสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ไทยยินดีที่จะร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งมีเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญเพื่อบรรเทาความเสี่ยงจากน้ำท่วม และหวังว่าจะใช้ประโยชน์จากความร่วมมือในกรอบลุ่มแม่น้ำโขง-สหรัฐฯ เพื่อเพิ่มความร่วมมือด้านการจัดการน้ำให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ พร้อมทำงานร่วมกับสภากาชาดไทย การให้ความช่วยเหลือผ่านองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) การใช้เทคโนโลยีดาวเทียมในการตรวจสอบพื้นที่น้ำท่วม เพื่อช่วยจัดการอุทกภัยในประเทศไทย
ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เช่น ความมั่นคงทางไซเบอร์ และ AI โดยเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวว่ามีหลายบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ สนใจเข้ามาลงทุนและขยายการลงทุนในไทย โดยจะมีการนำคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน มาเยือนประเทศไทย เพื่อเป็นกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงความตั้งใจในการพัฒนาการศึกษา และการส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีโอกาสได้รับทุน หรือเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน เพื่อสนับสนุนให้นักเรียนไทยได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ เพื่อให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและพัฒนาทักษะในสาขาที่ไทยต้องการ ซึ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ พร้อมสนับสนุน โดยปัจจุบันมีโครงการที่ได้เริ่มดำเนินการอยู่แล้วในการเชื่อมโยงมหาวิทยาลัยไทยและสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษา รวมทั้งยังมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศไทยจากบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อย่าง Apple และ Microsoft อีกด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการพูดคุย เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ยังแสดงความชื่นชมนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทที่แข็งขันในระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะการฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพมากขึ้นในเมียนมา สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของสหรัฐฯ และพร้อมทำงานร่วมกับไทยในการส่งเสริมสันติภาพในเมียนมา รวมถึงประเด็นอื่น ๆ เช่น ทะเลจีนใต้ และความขัดแย้งในตะวันออกกลาง รวมทั้งยืนยันที่จะสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์ของกันและกัน และพร้อมที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคและระดับโลก