นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่หลังจากมีคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ตนยังไม่ได้พบกับนายกรัฐมนตรี แต่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเรื่องการประเมินสถานการณ์ข่าวสารการเมือง และความเคลื่อนไหวอื่น ๆ โดยจะทำงานร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ นอกเหนือจากนั้น จะเป็นภารกิจที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้เพิ่มเติม
สำหรับสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยังไม่มีปรากฏความเคลื่อนไหว ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องเดือดร้อนจากการทำกิน หรือการดำรงชีพต่าง ๆ ซึ่งมีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว และได้ประสานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง หามีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่จะพูดคุยในวงคณะทำงานนั้น ตนคงไม่เสนอแนะต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลผ่านสื่อ แต่จะเสนอแนะไปตามช่องทางที่เหมาะสม
"ความเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งการชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และการรวมตัวแสดงความเห็นต่าง ๆ ส่วนการชุมนุมขนาดใหญ่หลักหมื่นคน อย่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้ เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น ทางรัฐบาลก็ยังไม่ได้ให้หน่วยงานใดติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ โดยมุ่งเน้นผลักดันผลงานการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า" นายณัฐวุฒิ กล่าว
สำหรับเรื่องการตรากฎหมายนิรโทษกรรมนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน คือ เห็นชอบที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ส่วนที่ยังเห็นต่างกันคือ กฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออกมานั้น โดยเฉพาะมาตรา 112 จะครอบคลุมความผิดใดบ้าง ซึ่งตนเห็นว่าสภาฯ กำลังจะปิดสมัยประชุม อาจจะมีการพิจารณาผลกฎหมายนี้ในสมัยประชุมหน้า ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภาฯ เชื่อว่า พรรคการเมืองต่าง ๆ ตลอดจนภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวจะได้มีการปรึกษาหารือกัน
โดยการผลักดันเรื่องนี้ จะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใด ๆ เพิ่ม การรักษาบรรยากาศไม่ให้ช่วงเวลานี้มีเงื่อนไขความขัดแย้งใด ๆ เพิ่ม แต่หากมีการพูดคุยกัน เช่น ในพรรคเพื่อไทย ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้มีการพูดคุยว่า จะมีกรรมการยุทธศาสตร์ มีกรรมการบริหาร จะหารือข้อสรุปกันว่าจะมีร่างนี้ออกมาประกบหรือไม่
"ซึ่งเชื่อว่าจะมีการคุยกันภายใน เมื่อถึงเวลาก็ต้องเอาไปพูดคุยกันในสภาฯ ก็ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภา ที่จะพูดคุยกัน" นายณัฐวุฒิ ระบุ
พร้อมหวังว่าข้อขัดแย้งที่มีอยู่ จะใช้ช่วงเวลานี้มาปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนกันได้ แต่ต้องไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งถึงฝ่ายใด ซึ่งเป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว ตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา จนมาถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาล คือ พยายามผลักดันนโยบาย หรือเนื้องานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน
"ความขัดแย้งทางการเมือง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ แต่การจัดบรรยากาศการจัดเวที เรื่องนี้มันมีความละเอียดอ่อน ผมคิดว่าให้เป็นเรื่องของพรรคการเมือง และฝ่ายสภาไปว่ากัน ใครมีความคิดเห็นด้านใด ก็แสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด" นายณัฐวุฒิ กล่าว
สำหรับการผลักดันโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีความยากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังรีบทำงานกันอย่างเต็มที่ ยังมีเวลาทำงานเกือบ 3 ปี ในประเด็นที่มองว่ายาก อาจจะคลี่คลายง่ายขึ้นและมีผลปฏิบัติได้ คือ การทำงานการเมืองในรัฐบาลผสม ไม่มีอะไรเดินหน้าไปได้ด้วยก้าวใหญ่ ๆ เพราะยังมีเรื่องที่เห็นต่างกัน จึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาทางให้ได้ข้อสรุปร่วมกันและเดินต่อไปได้
"เมื่อพรรคเพื่อไทย ตัดสินใจจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล ความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชน ก็ต้องทำให้เต็มที่ ส่วนจะปรากฏผลงานที่ชัดเจนหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง" ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ระบุ