กระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แจ้งว่า ตัวประกันคนไทย จำนวน 5 คน ได้รับการปล่อยตัวแล้ววันนี้ และอยู่ระหว่างการนำตัวไปยังพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรับการรักษาตัวในโรงพยาบาลต่อไป โดยจะมีเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศเดินทางไปช่วยเหลืออำนวยความสะดวก พร้อมทั้งติดต่อกับครอบครัวในประเทศไทยโดยทันที
พร้อมหวังว่า ตัวประกันไทยอีก 1 คน และตัวประกันที่เหลืออยู่ทั้งหมดในฉนวนกาซาจะได้รับการช่วยเหลือโดยเร็วที่สุดเพื่อเดินทางกลับสู่มาตุภูมิและครอบครัวอย่างปลอดภัยต่อไป
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการช่วยเหลือตัวประกันแรงงานไทยที่เหลืออีก 1 คนว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะนำคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในทุกพื้นที่กลับมาสู่ประเทศไทย แต่ในกรณีมีความแตกต่างกันจะมีขั้นตอนที่ต้องทำ ด้านน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่าน X แสดงความยินดีที่ตัวประกันคนไทย 5 คน ได้รับการปล่อยตัวออกจากกาซาแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางรัฐบาลได้ดำเนินการผลักดันต่อเนื่อง โดยได้มอบหมายให้รมว. ต่างประเทศเดินทางไปอิสราเอลเพื่อกำกับดูแลให้ทั้ง 5 คนได้กลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวโดยเร็ว
รัฐบาลไทยขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกาตาร์ อียิปต์ อิหร่าน ตุรกี สหรัฐฯ และมิตรประเทศ รวมทั้งสภากาชาดสากล สำหรับความช่วยเหลือทุกอย่าง และขอขอบคุณอิสราเอลที่ช่วยดูแลอำนวยความสะดวกให้คนไทยทั้ง 5 คนในการเดินทางกลับประเทศ
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่า แรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวทั้ง 5 คนเคยเป็นผู้ประกันตนมาก่อนจึงมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จชราภาพ และเงินชดเชยรายเดือน เงินช่วยเหลือประจำปี เงินช่วยเหลือรายไตรมาส รวมถึงสิทธิอื่น ๆ ได้แก่
1) เงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยอิสราเอล ซึ่งทายาทขอรับสิทธิประโยชน์เรียบร้อยแล้ว
2) เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง หรือเงินปิซูอิม ในส่วนนี้กระทรวงแรงงานได้ให้ฝ่ายแรงงาน ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประสานติดตามให้
3) หากเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศจะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีเดินทางกลับประเทศจากภัยสงคราม จากกรมการจัดหางาน จำนวน 15,000 บาท
4) สิทธิประโยชน์ประกันสังคม