การประชุมวุฒิสภาที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาญัตติเรื่อง ให้วุฒิสภาพิจารณาปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว.เป็นผู้เสนอ
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าวว่า กระบวนการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือก สว.มีการล็อคเป้าหมาย โดยอ้างว่ามี สว.จำนวน 138 คน มุ่งไปที่กลุ่ม สว.สีน้ำเงินได้อย่างไร ซึ่งตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและกระบวนการยุติธรรม หากมีพยานหลักฐานเพียงพอ
"เคยได้ยินหรือไม่ว่า มีทฤษฎีศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง นักคณิตศาสตร์ยังคิดไม่ได้ แต่มีนักเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของไทยสามารถคิดได้ ทำให้ศูนย์มีค่ามากกว่าหนึ่ง และได้จำนวน สว.ที่เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ" พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ กล่าว
โดยมี สว.เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใกล้อิมแพคเมืองทองธานี พบเห็นเหตุการณ์ปิดป้องประชุมลับจำนวน 400 คน มีการแจกจ่ายเอกสาร หมายเลขที่ใช้เลือก ตนอยากถามว่า อธิบดีดีเอสไอรับทราบข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ หรือมีข้อมูลสืบสวนเพื่อเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ การดำเนินการลักษณะดังกล่าวเป็นขบวนการสมคบกัน ร่วมกันตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด
ทั้งนี้ อธิบดีดีเอสไอสามารถสอบสวนตามที่กล่าวหาว่าเป็นกระบวนการอั้งยี่หรือไม่ ตนเห็นว่าการเลือกปฏิบัติและการที่ดีเอสไอพยายามให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรม (ก.พ.ค.) พิจารณาเป็นคดีพิเศษอาจเป็นการก้าวก่าย เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งบุคคลธรรมดาและอัยการสูงสุดสามารถยื่นร้องต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัยและยุติการกระทำดังกล่าว และตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 เข้าข่ายยุยง ปลุกปั่น มีเจตนาเปลี่ยนแปลงกฎหมายของแผ่นดินหรือทำให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร จึงสมควรที่วุฒิสภาจะได้มีการอภิปรายและระดมความคิดเห็น และเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป
ด้าน พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย สว. ยืนยันว่า พวกตนมาตามบทบาทหน้าที่ ตามครรลองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาด้วยความถูกต้องและไม่กลัวการตรวจสอบจากเจ้าภาพที่ดูแลเรื่องการเลือกตั้ง กฎหมายบัญญัติชัดเจน แต่คำกล่าวของบางคนกล่าวหาการเลือก สว.ที่ผ่านมาเป็นอั้งยี่ เพราะมีการรวมตัวกัน ซึ่งคำว่า อั้งยี่คือการรวมตัวกัน ทำในสิ่งที่ไม่ดี หากรวมตัวกัน ปรึกษาหารือกันแล้วเป็นอั้งยี่ ก็ต้องไปตรวจสอบการเลือกตั้งทั่วประเทศก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะล่าสุดที่มีการเลือกองค์การบริหารส่วนจังหวัดจินตนาการหรือไม่ว่าที่ผ่านมาเป็นอั้งยี่
"ดีเอสไอเป็นเพียงเจ้าหน้าที่เบื้องต้น แต่ประกาศปาวๆ ว่า สว.เป็นอั้งยี่ซ่องโจร คนทั้งประเทศแตกตื่นหมด ไปไหนมาไหนก็ถามหมด ชี้หน้าหมด ตอนนี้ไม่กล้าเดินแล้ว...เราไม่กลัวการตรวจสอบ แต่ขออนุญาตทำหน้าที่ แต่อย่าเอาปากทำ อย่าพูดมาก ลิ้นมันจะพันคอท่าน สิทธิเสรีภาพของ สว.รัฐธรรมนูญเขียนไว้ ป้องคุ้มครอง มีสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว ชื่อเสียง เกียรติยศและครอบครัว" พล.ต.ท.บุญจันทร์ กล่าว
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า กระบวนการยุติธรรม ที่นำโดยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ทำให้ตนรู้สึกหมดศรัทธา พร้อมยืนยันว่า สว.ชุดนี้พร้อมรับการตรวจสอบที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่กลัว ดีเอสไอบิดเบือนข้อมูลจนทำให้ประชาชนเข้าใจว่า สว.ชุดนี้เป็นอั้งยี่ซ่องโจร หรือเป็นโจร และดีเอสไอที่กำกับโดย รมว.ยุติธรรม ไม่ได้มีอำนาจควบคุมการเลือกตั้งเหมือนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังนั้นการตรวจสอบใด ๆ จะต้องใช้อำนาจที่อยู่ในขอบเขตของตน จึงสะท้อนว่าดีเอสไอกำลังใช้อำนาจแทรกแซง กกต.ในการได้มาซึ่ง สว. ส่วนการพิจารณาคดีพิเศษโดยคณะกรรมการ ก.พ.ค. กำลังใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมาย ทำให้ประชาชนเข้าใจ สว.ผิดไปอย่างรุนแรง
พร้อมมั่นใจว่า ตามกฎหมายการได้มาซึ่ง สว.ฮั้วกันได้ยาก เพราะมีการห้าม กกต.เปิดเผยรายชื่อ และจำนวนผู้สมัครก่อนพ้นระยะเวลาการรับสมัคร เพราะหลักการฮั้วจะต้องทราบจำนวน เพื่อให้ผู้สมัครฝ่ายตนมากกว่าอีกฝ่ายจึงจะชนะได้ ดังนั้น การอ้างว่า มีการฮั้วเป็นการกล่าวหา สว.ชุดนี้ โดยไม่มีการอ้างอิงหลักกฎหมายใด ๆ เพื่อให้ สว.ตกเป็นจำเลยสังคม และการที่คณะกรรมการ ก.พ.ค.เลื่อนการลงมติรับเป็นพิจารณาคดีพิเศษ โดยอ้างเชิญ กกต.มาชี้แจง เป็นการประวิงเวลาเพื่อไปล็อบบี้คณะกรรมการ เพื่อรับเป็นคดีพิเศษ และเป็นการฮั้วกันหรือไม่ พร้อมถาม รมว.ยุติธรรม ใช้อำนาจตามกฎหมายใด แถลงข่าวต่อคดี ทั้งที่ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ