
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้เร่งรัดไต่สวนและตรวจสอบพฤติกรรมของนางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร เขต 1 และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี เขต 6 พร้อมทั้งยื่นเอกสารพยานหลักฐานเพิ่มเติมอีก โดยเฉพาะ สส.รายอื่น ๆ ที่กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับของพรรค และมีพฤติกรรมฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นอย่างต่อเนื่อง
หัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.67 ว่า สส.ทั้งสองมีพฤติกรรมละเลยหน้าที่ ปฏิเสธการเข้าร่วมกิจกรรมของพรรค และไม่ปฏิบัติตามแนวทางของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงภายในพรรคและฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการกระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับของพรรค
ที่ผ่านมาได้ติดตามความคืบหน้าของคดีนี้มาโดยตลอด แต่วันนี้จะมาขอให้เร่งรัดดำเนินงานไต่สวนและลงโทษนักการเมืองที่ไม่มีจิตสำนึกที่สุจริตต่อประชาชน ขาดจริยธรรม ส่อทุจริต โดยใช้ตำแหน่ง สส.ที่ได้มาจากการลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคฯ แสวงหาประโยชน์อื่นใด ซึ่งในส่วนนี้หากพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนไปถึงพรรคการเมืองที่มีส่วนร่วม พรรคฯ จะดำเนินการให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป เพื่อไม่ให้เป็นบรรทัดฐานของนักการเมืองไทย
หัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวว่า คณะกรรมการจริยธรรมของพรรคตรวจสอบพบว่าพฤติกรรมของ สส.ทั้งสองคนขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 รวมถึงละเมิดประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2563 และข้อบังคับของพรรคไทยสร้างไทย พ.ศ.2566 อย่างชัดเจน
การกระทำของ สส.ทั้งสองส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อระบบพรรคการเมือง ต่อระบบรัฐสภา เพราะเป็นการทำลายเสถียรภาพของพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย เปิดช่องให้เกิดการซื้อเสียงทางอ้อม นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อพรรคการเมือง และระบบประชาธิปไตยโดยรวม
"ไทยสร้างไทยจะขอเดินหน้าสร้างการเมืองสุจริต ทำลายนักการเมืองคอร์รัปชัน ซื้อเสียงเข้ามาคดโกง และ สส.ที่ขายตัว แลกผลประโยชน์ส่วนตนให้สิ้นซาก เพื่อสร้างอนาคตให้การเมืองไทย" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ทสท. กล่าวว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของพรรคฯ แต่เป็นเรื่องของมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมืองไทยทั้งหมด หากเราปล่อยให้มีพฤติกรรมแบบนี้โดยไม่ดำเนินการใด ๆ เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้นักการเมือง สามารถละเมิดกฎหมายทำลายพรรค และทำลายระบบประชาธิปไตยได้อย่างเสรี