"ไอซ์-รักชนก" สับนายกฯ เกรงใจทุนเทา หน้าไหว้หลังหลอกปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-จี้ปรับรมว.ดีอีพ้นครม.

ข่าวการเมือง Tuesday March 25, 2025 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในการทำหน้าหน้าที่นายกรัฐมนตรี เนื่องจากประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนมูลค่านับแสนล้านบาท โดยกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น และทำดีลปีศาจนำผลประโยชน์ของประเทศชาติไปแลกมาเป็นผลประโยชน์เพื่อกลุ่มทุนและพวกพ้องของตนเอง

"รัฐบาลเพื่อไทยเคยตั้งเป้าอยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเป็นฮับท่องเที่ยว ฮับดิจิทัล ฮับการบิน ฮับขนส่ง แต่ตอนนี้ที่เราเป็นได้คือฮับของคนที่ทำทีว่าเป็นนักท่องเที่ยว แต่แท้จริงเข้ามาทำธุรกิจสีเทา ฮับของเศรษฐกิจดิจิทัลแบบพนันออนไลน์ครบวงจร ฮับของการบินแต่เป็นการบินเข้ามาเพื่อเป็นทางผ่านเข้าสู่ขบวนการค้ามนุษย์ ฮับขนส่งแต่เป็นการส่งอิฐหินดินปูนไปสร้างความมั่งคั่งให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์" น.ส.รักชนก กล่าว

นายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเข้ามาดูแลเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะเป็นปัญหาที่มีความเกี่ยวกันกับหลายหน่วยงาน อย่างเรื่องการตัดกระแสไฟฟ้าบริเวณชายแดนเมียนมาที่รองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเกี่ยงกันไปมา จนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาพูด และผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีนเดินทางเข้ามา หรือกรณีการสั่งปิดท่าข้ามที่สงสัยว่ามีพฤติกรรมสนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีอยู่ 59 แห่ง ซึ่ง 3 หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยงกัน คือ กรมศุลกากร, ผู้ว่าราชการจังหวัด และ สมช. ส่วนบริเวณชายแดนกัมพูชายังไม่มีการตัดกระแสไฟฟ้าและสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทั้งที่รัฐบาลอ้างว่ามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้นำ

ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องทบทวนเรื่องฟรีวีซ่า โดยจำกัดเรื่องพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาสวมสิทธิ์ดังกล่าว จนเกิดข้อสงสัยว่าเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มอาชญากรรมทางออนไลน์มากกว่า

รัฐบาลต้องมีกลไกที่จะควบคุมองค์ประกอบสำคัญของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 4 อย่าง คือ ซิมม้าที่ผู้ประกอบการมีระบบป้องกันแต่ปล่อยให้คิดค่าบริการจากประชาชน, บัญชีม้าที่ปล่อยให้มีการหลอกลวงผู้สูงอายุในต่างจังหวัด, ข้อมูลส่วนตัวก็มีหลุดหลายครั้งแต่ไม่มีการลงโทษ และคริปโทเคอเรนซี่ที่บริษัทให้บริการอยู่ในปัจจุบันมีกลุ่มทุนพลังงานหนุนหลัง

ส่วนของการออก พ.ร.ก.ร่วมรับผิดชอบ ที่จะให้ผู้ประกอบการมือถือและสถาบันการเงินต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แม้จะผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้ว ซึ่งตั้งแต่ที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ทำหน้าที่ 2 ปี แต่พ.ร.ก.ดังกล่าวยังไม่ออกมาบังคับใช้ จึงควรทบทวนปรับออกจากตำแหน่ง

อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญคือ รัฐบาลปล่อยให้ไม่มีระบบไบโอเมตริกซ์ใช้งาน ซึ่งจะเป็นช่องโหว่ให้มิจฉาชีพสามารถที่จะเดินทางเข้าออกประเทศได้อย่างสะดวก ไม่สามารถที่จะกลั่นกรองมิจฉาชีพได้เลย

ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ รัฐบาลไม่สามารถจัดการตัวการใหญ่ได้เลย จับได้แต่ปลาซิวปลาสร้อย จัดการตัวเล็กตัวน้อย ทำแบบนี้อีกร้อยปีก็จัดการถอนรากถอนโคนแก๊งคอลเซนเตอร์ไม่ได้ จึงอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าหรือพวกตัวใหญ่ ๆ ในขบวนการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล อย่างกรณีที่มีการโยกย้ายนายตำรวจระดับสูงที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนเมียนมา สั่งย้ายแล้วไม่ได้นำไปขยายผลต่อ หลายคนตั้งคำถามว่านายกฯ จะกล้าทำอะไรจริงจัง เพราะเบื้องหลังของคน ๆ นี้คือนักการเมืองที่มีอิทธิพลแถวเชียงราย ที่เป็นคนสนิทของพ่อนายกฯ

หรืออย่างกรณีนี้นายทุนไทยเทาที่เป็นเจ้าของบ่อนผู้กว้างขวางที่เข้าถึงคนในวงการการเมือง เข้าถึงคนในวงการตำรวจ มีบ่อนในประเทศไทย โดนบุกทลายกี่ครั้งก็กลับมาเปิดได้ เพราะผู้สนับสนุนเบื้องหลังแข็งแกร่ง ถ้านายกฯ แพทองธารจริงจังที่จะจัดการธุรกิจสีเทาแบบที่พูดว่าไม่จบไม่เลิกก็ต้องกล้าเล่นงานตัวใหญ่ ๆ แบบนี้ให้ได้

การตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีตึก มีอาคาร อิฐหินดินปูน แก๊งมิจฉาชีพต้องใช้ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตมหาศาล ต้องหลีกหนีกฎหมายในรูปแบบต่าง ๆ แต่ได้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก "เจอ จ่าย จบ" ถ้ามีเงินมากพอ กฏหมายทุกอย่างสามารถยกเว้นได้ ลองคิดดูว่าถ้าฟันเฟืองใดฟันเฟืองหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานไม่ดี ทำงานไม่สำเร็จ มันจะตัดจบที่ขั้นตอนนั้นไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับเอื้อให้เขาทำสำเร็จทุกขั้นตอน และเกี่ยวกับประเทศไทยทุกขั้นตอน อาชญากรรมออนไลน์จึงเติบโต

การแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ใช่เรื่องไร้ประสิทธิภาพ แต่เป็นความจงใจปล่อยปละละเลยเพราะผลประโยชน์ทับซ้อนเบื้องหลังมหาศาล ความหน้าไหว้หลังหลอกของรัฐบาลแพทองธาร คือเขียนสิ่งเหล่านี้ไว้ในคำแถลงนโยบาย แต่พอดูไส้ใน ทุกกระบวนการกลับไม่ลงมือทำอะไรจริงจัง ปัญหาที่ดูเหมือนว่าจะคลี่คลายไป แต่แท้จริงแล้วพร้อมที่จะปะทุขึ้นได้ตลอดเวลาเพราะรัฐบาลไม่เคยแก้ปัญหาที่ต้นตอแบบถอนรากถอนโคน

"ไม่กล้าแตะต้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะไม่ว่าจะทุนกลุ่มไหนก็เคยร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อนายกฯ ไม่กล้าจัดการไทยเทา การคอร์รัปชันมีในทุกระดับ แต่นายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้ประเทศเรากลายเป็นสวรรค์ของมิจฉาชีพ การทำดีลแลกประเทศกับชนชั้นนำและกลุ่มทุนของรัฐบาลนี้ทำให้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่จบซักที" น.ส.รักชนก กล่าว

ครอบครัวชินวัตรเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติ เอาอนาคตของทุกชีวิต ไปแลกกับผลประโยชน์ของตระกูลตัวเองหรือไม่ ขโมยโอกาสและความฝันของคนไทยไปทำแลกกับการพาพ่อกลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว ด้วยเหตุนี้ไม่อาจไว้วางใจให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกแม้แต่วันเดียว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ