น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีฝ่ายค้านอภิปรายถึงประเด็นชั้น 14 ว่า ทราบว่าท่านสมาชิกฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้ เรามีความคิดเห็นที่ต่างกัน เพราะท่านเคยไปเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตร ที่ จ.ภูเก็ต แต่ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่ได้ใช้อารมณ์ความรู้สึกจากตอนนั้น มาอภิปรายตนในวันนี้ด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า รายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นชั้น 14 นั้น รมว.ยุติธรรม ได้ชี้แจงในรายละเอียดหมดแล้ว แต่ตนอยากจะขอชี้แจงในฐานะของลูกสาวคนหนึ่ง เพราะตั้งแต่คุณพ่อ (นายทักษิณ ชินวัตร) กลับมาอยู่ที่ประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาล ชั้น 14 ตนยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี จึงไม่อยากให้มีการอภิปรายให้เกิดความสับสน เหมือนกับว่าตนเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และมีอำนาจในการสั่งข้าราชการ หรือสั่งใครใด ๆ ซึ่งขณะนั้นตนเป็นเพียงหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีสมาชิกกล่าวหาว่า คุณพ่อได้กลับมา เพราะว่ามีการดีลผ่านปิศาจ ผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ซึ่ง 100% ไม่ใช่ความจริงเลย และนี่คือการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาและติดคุก หรือถูกจำกัดที่ทาง ซึ่งนายทักษิณก็บอกว่าปีนี้อายุ 75 แล้ว อยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่เมืองไทย เพราะเติบโตที่เมืองไทยมาโดยตลอด และรักและห่วงประชาชนมาก คิดอะไรก็คิดจะคิดเรื่องเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนรวย ทำให้ตนมีแรงบันดาลใจในการทำงาน ว่าแม้เจอเรื่องขนาดนี้ก็ยังคิดดี ๆ กับคนอื่นได้ เป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังบวกเยอะ ๆ ในใจ
"แน่นอนว่าถ้าวันนั้น พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจับมือกันสำเร็จ และตั้งรัฐบาลได้ ท่านเอง (พรรคก้าวไกลในขณะนั้น) เป็นผู้นำรัฐบาล และเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ถึงอย่างไร นายทักษิณก็กลับมาอยู่ดี ไม่ว่ารัฐบาลจะจัดตั้งโดยใคร นี่คือเรื่องจริง ที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้" น.ส.แพทองธาร กล่าว
พร้อมระบุว่า เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อ จากที่ผ่านมาเป็นเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด สถานการณ์ที่ผ่านมาในรอบ 20 ปีของประเทศ ทุกท่านก็ต้องทราบดีถึงความยากลำบากที่เรา และพี่น้องประชาชนได้ประสบมาในเรื่องของความอยุติธรรม คุณพ่อถูกยึดอำนาจทางการเมือง นอกจากถูกยึดอำนาจทางการเมืองแล้ว ยังถูกอายัดทรัพย์สิน ถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ
"ถ้าจะหาใครสักคน ที่เผชิญเรื่องของความไม่ยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่า ดร.ทักษิณ คือหนึ่งในคนท็อป ๆ เลยที่ได้รับความไม่ยุติธรรม" น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความไม่ยุติธรรมเหล่านี้ที่เกิดขึ้น ทำให้ครอบครัวที่รักกันอยู่แล้ว ก็สนิทกันมากขึ้น เพราะผ่านช่วงเวลาที่ลำบากมาด้วยกัน และเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ทำให้ตนเติบโตขึ้นมาอย่างมีสติ และทราบว่าอะไรเป็นสิ่งที่ควรไม่ควร และต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตัวเองมาอยู่ในเรื่องของความลำบาก ก็มีข้อดีที่ซ่อนอยู่ในนั้นเสมอ และเชื่ออย่างนั้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ตลอดการอภิปราย มีสมาชิกเรียกร้องให้ตนลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกท่านที่จะทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ท่านทำไม่ได้ คือ การขอให้ตนลาออกจากความเป็นลูกสาว หรือความเป็นแม่ สิ่งนี้ตนลาออกไม่ได้ ตนพร้อมที่จะทำงานให้กับทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะได้สวมหมวกของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ยืนยันว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างเต็มที่ และสุดความสามารถแน่นอน
"ขอให้ทุกคนดู พิสูจน์ที่ความสามารถ และความตั้งใจในการทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ หรืออภิปรายใด ๆ ก็ขอให้วิจารณ์ในเรื่องของการทำงาน น่าจะเป็นประโยชน์กว่าทั้งต่อสภาฯ แห่งนี้ และต่อประเทศของเราด้วย" นายกรัฐมนตรี ระบุ