น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน X ภายหลังเดินทางไปเป็นประธานแถลงผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน ในช่วง 2 เดือนแรก (1 ก.พ.-31 มี.ค.68) และดูการเผาทำลายยาเสพติดของกลางของสำนักงาน ป.ป.ส.ประจำปี 2568 (ครั้งที่ 2) ณ บมจ.อัคคีปราการ (AKP) ในนิคมอุตสาหกรรมบางปู ว่า ผลจากการบูรณาการการทำงานร่วมกันทุกภาคส่วน ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และประชาชน สามารถจับกุมยาเสพติดได้จำนวน 27 ตัน ประกอบด้วย ยาบ้า 76,556,800 เม็ด เพิ่มขึ้น 32% จากปี 2567 หรือกว่า 20 ล้านเม็ด, ไอซ์ 7,527 กิโลกรัม เพิ่มขึ้น 1,700% จากปี 2567 หรือกว่า 7,000 กิโลกรัม
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ประเทศไทยไม่ใช่ต้นทางผลิตยาเสพติด แต่เป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม โดยมีการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามา การแก้ปัญหาจึงต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และต้องบูรณาการร่วมกับอาชญากรรมอื่น ทั้งปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบขนส่งสินค้าหนีและผิดกฎหมาย
ในช่วงที่ผ่านมา การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมใช้มาตการ 3 ตัด คือ ตัดน้ำมัน-ไฟฟ้า-อินเตอร์เน็ต รวมถึงการดำเนินงานปฏิบัติการสกัดกั้น และปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe ผนึกกำลัง 51 อำเภอชายแดน และ 76 สถานีตำรวจใน 14 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
"เบื้องต้นเรากำหนดเวลาดำเนินการไว้ 6 เดือนค่ะ โดยเราจะประเมินผลงานทุก 2 เดือน เพื่อประเมินผล ทบทวนการทำงาน ซึ่งหากประสบความสำเร็จ เราจะขยายผลให้ครอบคลุมครบทุกพื้นที่ในประเทศ" น.ส.แพทองธาร ระบุ
อย่างไรก็ตาม ในการทำงานต้องย้ำกับเจ้าหน้าที่รัฐให้ชัดเจนว่าต้องไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต เน้นการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการตรวจสอบ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และต้องพร้อมเผยแพร่การดำเนินงานให้ประชาชนรับทราบ
รัฐบาลขอยืนยันว่า จะสนับสนุนการทำงานของทุกภาคส่วนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ร่วมกันทำงานอย่างหนักและเสียสละทำงานอย่างเต็มศักยภาพ สนับสนุนเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัยให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด