นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าสำนักงานอัยการสูงสุดมีหนังสือแจ้งมาแล้วว่าหลักฐานตามสำนวนคดีการยุบพรรคชาติไทย(ชท.)และพรรคมัชฌิมาธิปไตย(มฌ.)ที่ กกต.ส่งไปนั้น ยังไม่มีความชัดเจนพอที่จะส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาตัดสินได้ ดังนั้นจึงขอให้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการสูงสุด และ กกต.ก่อน
"อัยการสูงสุดมีหนังสือมาแล้ว บอกว่ายังไม่เห็นด้วยกับพยานหลักฐานที่ดำเนินการอยู่ คือพยานหลักฐานยังไม่ชัดเจน เลยขอว่าจะยังไม่ส่งฟ้อง" นางสดศรี กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
สำหรับแนวทางที่คณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด กับ กกต.จะพิจารณานั้น จะต้องกลับไปดูพยานหลักฐานตามสำนวนที่ กกต.ได้วินิจฉัยไปแล้วในชั้นต้น และพิจารณาหลักฐานอย่างรอบด้าน เพราะการยุบพรรคมีผลกระทบต่อหลายฝ่าย
นางสดศรี กล่าวว่า ขณะนี้ กกต.อยู่ระหว่างรอฝ่ายอัยการสูงสุดจะส่งรายชื่อคณะทำงานมา ขณะที่ฝ่าย กกต.เองก็จะตั้งคณะทำงานขึ้นในจำนวนที่เท่ากัน และมีโอกาสที่จะแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอกเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมในชุดนี้ได้ เพราะกฎหมายไม่มีข้อจำกัดไว้ถึงการเชิญคนนอกเข้ามาเป็นคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับ กกต.
"กกต.กำลังรอว่าทางอัยการสูงสุดจะตั้งกี่ท่าน และเราจะตั้งในจำนวนเท่ากัน...อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นคนนอกก็ได้ เพราะกฎหมายไม่ได้จำกัด" นางสดศรี ระบุ
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย พรรคการเมือง พ.ศ.2550 มาตรา 95 ระบุว่า ถ้าอัยการสูงสุดไม่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตั้งคณะทำงานขึ้น โดยมีผู้แทนจากนายทะเบียนและผู้แทนจากสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป แต่หากยังไม่สามารถมีข้อสรุปได้ภายใน 30 วัน ให้ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอมติจาก กกต.เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้เองเลย
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--