ที่ประชุมคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.)มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนออัยการสูงสุด(อสส.)ส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีที่กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กระทำการเอื้อประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของตัวเองและพวกพ้อง ทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากหรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควร สืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ อันเป็นการร่ำรวยผิดปกติ
"ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง"นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ กล่าว
เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคู่สมรสคือ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นใน บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ในชื่อของนายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พิณทองทา ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์, บริษัท แอมเพิลริช อินเวสเมนท์ จำกัด และบริษัท วินมาร์ก จำกัด โดยมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 1.4 พันล้านหุ้น
นอกจากนี้ ยังพบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จงใจฝ่าฝืนกฏหมาย ป.ป.ช.ทำให้ธุรกิจในครอบครัวมีการเพิ่มมูลค่านับแสนล้านบาท รวมทั้งมีการออกมาตรการเอื้อประโยชน์ ทั้งการแก้ไขสัญญาบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงการยิงดาวเทียมไอพีสตาร์ จนทำให้ร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินได้มาโดยมิชอบ รวมทั้งมีผลประโยชน์ทับซ้อน
นายแก้วสรร กล่าวว่า เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ กระทำผิดฝ่าฝืนกฏบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปี 40 มาตรา 110, 208, 209, 291 และ 292 รวมทั้ง พ.ร.บ.การจัดหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 มาตรา 4, 5, 6 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มาตรา 32, 33, 100 และความผิดอาญา มาตรา 119 และ 122 พร้อมกันนี้ คตส.ยังขอให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินจำนวนดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--