นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดแถลงข่าวตอบโต้นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกันคำแปลบทปาฐกถาของนายจักรภพที่มีต่อสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ โดยยืนยันว่า ความเห็นของนายจักรภพเป็นทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อการปกครองในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และไม่มีความเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งอีกต่อไป
"ขอยืนยันความเห็นของพรรคในเรื่องนี้มีขึ้นหลังจากที่ได้ฟังคำชี้ของนายจักรภพ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของพวกเราที่ได้นำเสนอโดยไม่ได้ผิดเพี้ยน การแถลงวันนี้จะอธิบายว่านายจักรภพมีจุดประสงค์อะไร และทัศนคติที่สะท้อนผ่านคำบรรยายคืออะไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้ทำไปด้วยความไม่สบาย เพราะเรื่องที่หยิบยกมาขยายความมีความละเอียดอ่อน แต่มีความจำเป็นที่จะต้องแถลงข่าวเพราะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดแถลงข่าว และได้ใช้สถานะความเป็น รมต.ให้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT กล่าวหาตนเองและพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมจากสื่อที่จะให้ประชาชนได้รับรู้อย่างสมบูรณ์และรอบด้าน
ปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจากพรรค ปชป. แต่มีนายตำรวจคนหนึ่งไปแจ้งความดำเนินคดีนายจักรภพเมื่อราว 2 เดือนที่ผ่านมาในข้อหาหมิ่นพระมหากษัตริย์หรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตนเองเป็นนักการเมืองก็จำเป็นต้องตรวจสอบ โดยดีวีดีทีบันทึกภาพและเสียงไปถอดคำพูดก่อนที่นายจักรภพจะมาเป็น รมต. และไม่เคยเห็นคำแปลของนายตำรวจคนดังกล่าวว่าเป็นอย่างไร
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ในฐานะที่เคยใช้ชีวิตกว่า 10 ปีในประเทศอังกฤษ เมื่ออ่านบทปาฐกถาที่เป็นภาษาอังกฤษแล้วก็ตกใจ คาดไม่ถึงว่าจะมีบุคคลแสดงความคิดเห็นท้าทายเช่นนี้จึงได้นำไปให้คนที่รู้จักได้อ่าน ซึ่งก็มีความเห็นไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงตัดสินใจทำหนังสือแจ้งเป็นการภายในถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมๆ กับข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่มุ่งล้มล้างสถาบันเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนจะได้ตัดสินใจลดชนวนความขัดแย้ง ไม่ให้นำเรื่องสู่เวทีการการเมือง
"เรายืนยันเจตนาที่จะตรวจสอบตามข้อเท็จจริง...การที่นายจักรภาพบอกว่าพวกเราไม่เคารพกระบวนยุติธรรมนั้นไม่น่าเชื่อว่านายจักรภพเรียนจบรัฐศาสตร์ เพราะความรับผิดชอบทางการเมืองและกฎหมายต่างกัน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า การแถลงข่าวของนายจักรภพเมื่อวานนี้(26 พ.ค.) ต้องการการเบี่ยงเบนประเด็นสำคัญที่ได้พูดและทำอะไร กลับกลายมาเป็นความขัดแย้งกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งสังคมไม่ควรไขว้เขวอย่างที่นายจักรภพต้องการ รวมทั้งการพาดพิงว่าพรรคทำลายล้างผู้อื่น ซึ่งไม่เคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น เพราะในความทรงจำสมัยที่นายวีระ มุสิกพงษ์ เป็นเลขาธิการพรรค ปชป.ได้รับโปรดเกล้าฯเป็น รมช.มหาดไทย เมื่อปี 29 ศาลก็ยังไม่ได้ตัดสิน แต่นายสมัคร สุนทรเวช ได้อภิปรายจนต้องประชุมลับ จากนั้นนายวีระก็ลาออก
"วันนั้นนายสมัครก็ไม่ได้รอคำพิพากษา เป็นความรับผิดชอบของนายกฯ ถ้ามีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะเราได้ทำหน้าที่ของเราแล้ว และจะไม่ให้ขยายลุกลามใหญ่โตไปไหนอีก" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--