หลังจากที่รอคอยกันมาเนิ่นนาน และแล้วในที่สุดชาวอเมริกัน หรือแม้แต่ชาวโลก ซึ่งรวมถึงพี่ไทยอย่างเราๆท่านๆ ก็ได้รู้กันสักทีว่าผู้สมัครคนใดสามารถฝ่าด่านอรหันต์ พร้อมกับเข้าเส้นชัยเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐกับ นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซน่า ที่ได้รับการรับรองเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันไปตั้งแต่ไก่โห่ ซึ่งหลังจากผ่านการขับเคี่ยวกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมันและแสนยืดเยื้อ ผลที่ออกมาก็คือ นายบารัค โอบามา วุฒิสมาชิกผิวสีจากรัฐอิลลินอยส์ เป็นผู้คว้าชัยชนะที่แสนหวานนี้ไปครอง
แต่ถ้าหากย้อนกลับไปก่อนที่ศึกหาเสียงเลือกตั้งขั้นต้นจะเปิดฉากขึ้นเมื่อ 17 เดือนก่อน คงไม่มีใครคาดคิดว่าโอบามาจะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ เมื่อผลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศทุกสำนักชี้ว่าเขาเป็นรองคู่แข่งคนสำคัญทุกประตู ซึ่งคู่แข่งคนที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร นอกจากนางฮิลลารี คลินตัน วุฒิสมาชิกรัฐนิวยอร์ก ที่สั่งสมบารมีและประสบการณ์ทางการเมืองมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน
โอบามากระโดดเข้าสู่ศึกหยั่งเสียงขั้นต้นในฐานะมวยรอง แต่สิ่งที่ใครๆไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งขั้นต้นสนามแรกในรัฐไอโอวาเมื่อวันที่ 3 ม.ค. โดยสามารถแซงหน้าตัวเก็งอันดับ 1 อย่างนางคลินตันที่ตกลงไปรั้งอันดับ 3 แบบพลิกความคาดหมาย จากนั้นดูเหมือนว่าชื่อของโอบามาเริ่มเป็นที่สนใจและจับตามองมากขึ้น ซึ่งเขาก็สามารถขยับฐานะตนเองขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเก็งได้ด้วยยุทธวิธีการระดมทุนหาเสียงที่ได้ผลอย่างทรงพลัง โดยโอบามาระดมทุนได้มากที่สุดถึง 55 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.เพียงเดือนเดียว รวมเป็น 234 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่านายจอห์น แมคเคน ตัวแทนจากพรรครีพับลีกันถึง 3 เท่า และมีโอกาสที่จะทำลายสถิติที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ทำไว้ในการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2547 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่พรรคเดโมแครตได้เปรียบจากการระดมทุนมากกว่าพรรครีพับลีกัน
ทั้งนี้ แม้จะสั่งสมประสบการณ์ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกมาได้เพียง 3 ปีกว่าและด้วยวัยเพียง 47 ปี ซึ่งคู่แข่งมองว่าเป็นจุดอ่อนและใช้เป็นเครื่องมือโจมตีถึงความอ่อนประสบการณ์และ “ไร้เดียงสา" ของเขา แต่โอบามาก็สามารถเข้าถึงจิตใจของชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน รวมถึงคนหนุ่มสาว และผู้รักอิสระได้อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังสามารถแย่งคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้หญิงที่เคยเป็นฐานเสียงของนางฮิลลารีมาได้ในระหว่างการเดินสายหาเสียงทั่วประเทศ แม้แต่อดีตคู่แข่งอย่างวุฒิสมาชิกจอห์น เอ็ดเวิร์ด จากรัฐนอร์ทแคโรไลนา ก็หันมาประกาศให้การสนับสนุนนายโอบามา
นโยบายที่นายโอบามาให้ความสำคัญมากที่สุดมาตั้งแต่เริ่มหาเสียงและเน้นย้ำมาโดยตลอดก็คือ การยุติสงครามอิรัก พร้อมให้คำมั่นว่าจะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากการก่อการร้าย และฟื้นความเชื่อถือจากต่างชาติให้กลับคืนมาอีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังสัญญาที่จะทำประกันสุขภาพให้แก่ชาวอเมริกัน 47 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับสิทธินี้ ขณะที่การต่อสู้กับภาวะโลกร้อนก็เป็นเรื่องที่เขาไม่อาจละเลยได้เช่นกัน
ชัยชนะของโอบามาเริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งขั้นต้นในศึกโปโตแมค 3 รัฐสำคัญ ได้แก่ เวอร์จิเนีย แมรี่แลนด์ และวอชิงตันดี.ซี. เมื่อกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเก็บชัยชนะได้ 8 รัฐติดต่อกันเหนือนางคลินตัน หลังจากที่เขาเพิ่งกวาดชัยชนะ 5 รัฐก่อนหน้านี้ในหลุยเซียนา เนบราสกา วอชิงตัน หมู่เกาะยูเอสเวอร์จิน และรัฐเมน ส่งผลให้โอบามามีคะแนนสะสมคณะผู้แทนเลือกตั้ง หรือ เดลิเกท แซงหน้านางคลินตันเป็นครั้งแรก
ขณะที่คู่แข่งยังไม่ยอมประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน โอบามาก็เลือกที่จะมองข้าม พร้อมเดินหน้าหาเสียงต่อไปด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยม จนสามารถสะสมคะแนนเดลิเกทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในสนามเลือกตั้งต่อๆมา และในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึงพร้อมกับการเลือกตั้งขั้นต้น 2 สนามสุดท้ายในรัฐมอนทานาและเซาท์ ดาโกตา ซึ่งถึงแม้ผลปรากฏว่าโอบามาเป็นฝ่ายปราชัยให้กับคลินตันในรัฐเซาท์ดาโกตา แต่ก็ไม่อาจขัดขวางเขาจากการประกาศตัวเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างเต็มภาคภูมิและสง่าผ่าเผยได้ เนื่องจากล่าสุดสำนักข่าวต่างๆในสหรัฐอเมริกาต่างก็รายงานว่า นายโอบามามีคะแนนเดลิเกทเกิน 2,118 เสียง ซึ่งเป็นเกณฑ์ขั้นต่ำที่ผู้จะได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตต้องทำได้ โดยคณะผู้แทนจะเสนอชื่อผู้เป็นตัวแทนพรรคอย่างเป็นทางการในการประชุมพรรคระดับประเทศที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ในเดือนส.ค.นี้
ทั้งนี้ นายโอบามา ซึ่งเกิดที่รัฐฮาวายในปีพ.ศ. 2504 และมีบิดาเป็นชาวเคนยาและมารดาเป็นชาวอเมริกัน ถือเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่มีโอกาสเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาบดีสหรัฐ โดยเขาได้กล่าวสุนทรพจน์ประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุนที่เมืองเซนต์ พอล มลรัฐมินเนโซตา ว่า
“คืนนี้ ผมยืนอยู่เบื้องหน้าพวกท่านเพื่อประกาศว่าผมจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ"
“คืนนี้ การเดินทางที่ยาวไกลที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมกับการเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ ซึ่งจะนำสิ่งใหม่ๆและวันที่ดีกว่ามาสู่อเมริกา"
อย่างไรก็ดี เส้นทางสู่ทำเนียบขาวของโอบามายังไม่ได้จบอยู่เพียงเท่านี้ เพราะยังมีการแข่งขันที่แท้จริงรออยู่ นั่นก็คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 4 พ.ย.นี้ ซึ่งกว่าจะถึงวันนั้นเราต้องมารอดูกันว่าโอบามา ผู้ดำรงตำแหน่งวุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์เพียงสมัยแรกด้วยวาทะเฉียบคมในระหว่างการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในปี 2547 ที่ว่า “There is not a liberal America and a conservative America. There is the United States of America. There is not a black America and a white America and Latino America and Asian America. There's the United States of America" จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐอเมริกาและเป็นประธานาธิบดีที่หนุ่มที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ซึ่งแม้ผลที่ออกมาในวันข้างหน้าอาจไม่ใช่ชัยชนะของโอบามา แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐได้จารึกชื่อของ "บารัค โอบามา" เอาไว้แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--