ดอลล์แข็งค่าที่ตลาดออสเตรเลียเช้านี้ หลังปธ.เฟดแถลงวิตกเงินเฟ้อสหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 5, 2008 08:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญอื่นๆที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ (5 มิ.ย.) ซึ่งเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมาหลังจากที่นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกมาเน้นย้ำในเรื่องภาวะเงินเฟ้อว่าเป็นประเด็นที่ทางธนาคารกำลังวิตกกังวลมากที่สุด          
ถ้อยแถลงของเบอร์นันเก้ที่มีขึ้นล่าสุดนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่ลดดอกเบี้ย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยกระตุ้นเงินดอลลาร์ที่ส่วนหนึ่งแข็งค่าขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจในเชิงบวกก่อนหน้าที่ทางการจะเปิดเผยรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ค.ในวันศุกร์นี้
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 06.30 น. ตามเวลาในประเทศไทย เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ 105.28 เยนต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจาก 105.20 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์ก ขณะที่เงินยูโรขยับลงไปแตะ 1.5436 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับ 1.5437 ดอลลาร์ต่อยูโร
กระแสคาดการณ์ในตลาดที่ว่าเฟดอาจเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้ยิ่งมีความชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากเฟดต้องการควบคุมแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อที่เป็นผลจากราคาอาหารและพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ตรงข้ามกับธนาคารกลางยุโรป(ECB)จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ทั้งนี้ ตลาดคาดว่า ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมวันนี้แต่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปี และนักลงทุนจะหันไปจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมของนายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป
เช่นเดียวกับธนาคารกลางอังกฤษที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในที่ประชุมวันนี้เช่นกัน เนื่องจากเศรษฐกิจอังกฤษยังซบเซา ขณะที่ประเทศเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ซึ่งกดดันให้ธนาคารยังไม่เลือกที่จะขึ้นหรือลดดอกเบี้ย
จอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากธอมสัน ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์กล่าวว่า การที่เฟดเบนเข็มความวิตกกังวลจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปเป็นประเด็นเงินเฟ้ออาจทำให้เงินยูโรร่วงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ 1.60 ดอลลาร์ต่อยูโร
"มีความเป็นไปได้ว่าเงินยูโรอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 1.50 -1.60 ดอลลาร์ต่อยูโรในระยะนี้ " นูนานกล่าว
ขณะที่เงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าในเช้าวันนี้ หลังจากธนาคารกลางนิวซีแลนด์เตือนว่าเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวลงแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งภาวะดังกล่าวบ่งชี้ว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นในปลายปีนี้ จากระดับสูงที่สุดในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมที่ 8.25%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ