พันธมิตรฯ ส่งม็อบดาวกระจายบุก ก.ล.ต.ทวงถามความคืบหน้าคดี"ทักษิณ"

ข่าวการเมือง Friday June 6, 2008 12:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เป็นตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปฏิบัติการตามแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจายนำกลุ่มผู้ชุมนุมฯ ราว 200 คนเดินทางไปยื่นหนังสือต่อเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อสอบถามความคืบหน้าการดำเนินคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC)
"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอสอบถามความชัดเจนว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวชได้เข้าสู่อำนาจรัฐและปรากฏเป็นข่าวตามสื่อสารมวลชนว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันมีพฤติกรรมเป็นเสมือนหุ่นเชิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวก ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต.จะยังคงทำงานเป็นอิสระเช่นเดิมต่อไปได้หรือไม่ หรือถูกอิทธิพลของรัฐบาลทำให้ ก.ล.ต.ใช้อำนาจอันมิชอบปกปิดหรือบิดเบือนเพื่อช่วยกันปกป้องความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกหรือไม่" หนังสือเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุ
กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ขอคำยืนยันจาก ก.ล.ต.ถึงข้อเท็จจริงในประเด็นที่ว่า วินมาร์คและกองทุนมาเลเซียมีพฤติกรรมเป็นตัวแทนหุ่นเชิดในการถือหุ้น SC และมีความเกี่ยวโยงถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยมิได้เปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชนทั่วไปตามความจริง, วินมาร์คมีบัญชีอยู่ในธนาคารยูบีเอสและมีเลขบัญชี 121751 ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นชินคอร์ป, การปกปิดดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ โดยการจงใจปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้นในหนังสือชี้ชวนและรายงานประจำปีต่อประชาชนทั่วไป อีกทั้งทำให้การรายงานการซื้อขายหุ้นไม่เป็นไปตามกฎหมาย
หาก ก.ล.ต. ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวว่ายังมิได้ถูกบิดเบือนไป ก.ล.ต.จะดำเนินการลงโทษ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาเมื่อไหร่ อย่างไร
โดยกลุ่มพันธมิตรฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ก.ล.ต.ดำเนินการแบบสองมาตรฐาน หรือถูกคุกคามจากผู้มีอำนาจ เพราะก่อนหน้านี้นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้จัดทำและแก้ไขข้อมูลย้อนหลังไป 6 ปีเพื่อให้เห็นว่าตนเองเป็นเจ้าของแอมเพิลริชที่แท้จริง ก.ล.ต.ได้พิจารณาโทษและปรับด้วยตนเองในเวลาเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น แต่เมื่อหลักฐานความผิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คล้ายคลึงกันทำไม ก.ล.ต.จึงไม่รีบดำเนินการตัดสินลงโทษแต่รอมานานกว่า 2-3 ปี
นอกจากวินมาร์คถือหุ้นชินคอร์ปฯ ในบัญชีซึ่งดูแลโดยธนาคารยูบีเอส เลขที่บัญชี 121751 แล้วยังพบอีกว่า ในการโอนหุ้นชินคอร์ปให้นายพานทองแท้เมื่อวันที่ 1 ก.ย.43 มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท นายพานทองแท้กลับต้องทำตั๋วสัญญาใช้เงินสั่งจ่ายให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เพิ่มอีกประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งได้นำไปสู่การเป็นช่องทางการถ่ายเทผลประโยชน์จากหุ้นชินคอร์ปที่ถือโดยบุคคลใกล้ชิดกลับมาสู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคู่สมรส อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวได้แสดงถึงพฤติกรรมของบุคคลใกล้ชิดกัน ทั้งนายพานทองแท้ ชินวัตร, น.ส.พิณทองทา ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตลอดจนนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ต่างก็มีพฤติกรรมที่ส่อไปเป็นหุ่นเชิด ก.ล.ต.จะดำเนินการตรวจสอบในกรณีดังกล่าวได้อย่างไร? มีความเป็นกลางเช่นเดิมหรือไม่? หรือมีการคุกคามกดขี่โดยผู้มีอำนาจรัฐหรือไม่
"พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ก.ล.ต.จะแจ้งคำตอบให้กับพันธมิตรฯโดยเร็ว และเรียกร้องและให้กำลังใจต่อสำนักงาน ก.ล.ต. อย่าได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ในการลงโทษต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกด้วยประการทั้งปวง" หนังสือเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ