ฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้ง 7 คนถึงมือรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วในเช้าวันนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้สภาฯ เร่งประสานงานกับรัฐบาลเพื่อบรรจุญัตติให้ทันในสมัยประชุมวิสามัญหรือขยายเวลาออกไป ขณะที่รอง"สมศักดิ์"ออกตัวเป็นหน้าที่ประธานสภาฯ หารือกับรัฐบาล
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)กล่าวว่า ขณะนี้เห็นได้ว่าพฤติกรรมของรัฐบาลคล้ายกับการชิงปิดสภาฯ เพื่อหนีการอภิปราย เนื่องจากฝ่ายค้านได้แสดงท่าทีว่าต้องการยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว แต่เมื่อวานนี้(17 มิ.ย.)คณะรัฐมนตรีเพิ่งมีมติให้ทูลเกล้าฯ ร่าง พ.ร.ฎ.ปิดการประชุมสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 28 มิ.ย.51
พร้อมกันนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลขยายระยะเวลาการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญอีกรอบ เพราะรัฐบาลมีอำนาจตามกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ ส่วนฝ่ายค้านเองแม้กฎหมายรัฐธรรมนูญจะให้อำนาจในการเข้าชื่อกับ ส.ว.เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญได้ แต่ก็ยังไม่ได้คิดที่จะดำเนินการดังกล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวว่า การยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ได้ศึกษาข้อกฎหมายแล้วเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถยุบสภาฯ เพื่อหนีอภิปรายได้ โดยเมื่อปิดสภาฯ สมัยวิสามัญ ญัตติดังกล่าวจะยังไม่ตกไปตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ แต่จะยังคงค้างอยู่ในระเบียบวาระการประชุม เท่ากับว่ารัฐบาลไม่สามารถยุบสภาฯ ได้ตราบใดที่ยังไม่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทั้งนี้ ถ้ามีการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญระบุว่าในสมัยประชุมหน้า ซึ่งเป็นการประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัตินั้น ไม่สามารถยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ เพราะจะเป็นการพิจารณาเฉพาะกฎหมายต่างๆ เท่านั้น ทำให้การยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องทำในช่วงประชุมสภาสมัยสามัญทั่วไป ที่ต้องรอไปถึง 1 ก.พ.52 ในขณะที่ปัญหาของประเทศไม่สามารถรอได้
ด้านนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังเป็นตัวแทนประธานสภาฯ รับญัตติจากฝ่ายค้านว่า จะรีบนำเสนอญัตติดังกล่าวต่อนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ว่าจะสามารถบรรจุไว้ในวาระการประชุมสภาสมัยวิสามัญครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะตนไม่มีอำนาจที่จะตอบได้ ต้องรอประธานสภาฯ ไปหารือกับรัฐบาลก่อน
สำหรับเหตุผลที่ฝ่ายค้านระบุในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 7 คนมีว่า มีการบริหารราชการแผ่นดินบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพจนประชาชนเกิดความเดือดร้อนอย่างรุนแรง, ขาดคุณธรรม ขาดจริยธรรม ขัดหลักนิติธรรม ใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับให้ข้าราชการยอมเป็นพวก เพื่อกลั่นแกล้งบุคคลอื่นที่กระทำการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจนได้รับความเสียหาย
มุ่งตอบสนองผู้มีบุญคุณในทางการเมืองส่วนตน โดยละเลยผลประโยชน์ของประชาชน, เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องมากกว่าการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ, ใช้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ปั้นแต่งโครงการเพื่อเตรียมการแสวงประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งหากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป จะเกิดความเสียหายแก่ราชการและบ้านเมืองอย่างร้ายแรง ไม่สมควรดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป
รัฐมนตรี 7 คนที่ถูกอภิปรายไม่ไว้ใจรวมกับนายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง, นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย, นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม, นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และ นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--