นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมลงมติไม่ไว้วางใจนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ เนื่องจากทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียอธิปไตยจากกรณีที่เห็นด้วยกับกัมพูชาที่เสนอขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก
"ผมเรียกร้องสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นคนไทยทุกคนไม่ไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยสาเหตุจากเรื่องนี้เพื่อบอกกับชาวโลก เพื่อบอกกับคณะกรรมการมรดกโลกว่าคนไทยไม่ยอมรับสิ่งที่ไปตกลงกันเกินขอบเขต อำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ญัตติไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะกรณีของนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ มีความสำคัญเป็นพิเศษเพราะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลที่ทุกฝ่ายในสังคมควรจะช่วยกันยับยั้งโดยเร็วก่อนที่ยูเนสโกจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ในต้นเดือน ก.ค.
"วิธีการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นที่ดีที่สุด คือทุกวิถีทางที่จะแสดงให้เห็นว่าประชาชนคนไทยไม่ได้ยอมรับการกระทำที่เกินเลยอำนาจตามรัฐธรรมนูญของรัฐมนตรีของนายกฯ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า เมื่อวาน(22 มิ.ย.) ในรายการสนทนาประสาสมัคร คิดไม่ถึงว่านายกรัฐมนตรีจะกล้าพูดเท็จกับคนไทยทั้งประเทศ กล่าวหาอดีตหัวหน้าพรรคของตนเองในอดีต คือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
"นายกฯสมัครจงใจพูดว่าไทยสูญเสียเขาพระวิหารไปเมื่อปี พ.ศ.2505 เพราะทนายไปยอมรับแผนที่ที่มีการต่อสู้กันในศาลโลก และท่านก็บอกว่าคนที่มาพูดจาคัดค้าน ทำไมไม่ไปถามคนเก่าคนแก่ในคณะว่าอะไรเป็นอะไร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า กรณีเขาพระวิหาร ถ้าจะอ้างคำตัดสินของศาลโลกก็ต้องไปอ่านคำพิพากษาของศาลโลกในปี 2505 ซึ่งตนเองไม่ได้อ่านไม่ใช่เฉพาะตัวคำพิพากษา แต่ว่าอ่านคำบรรยายฟ้องและกระบวนการต่อสู้ ซึ่งข้อสังเกตของทั้งสองฝ่ายไม่มีตรงไหนเลยที่บอกว่าทีมกฎหมายของฝ่ายไทยไปยอมรับแผนที่ ตรงกันข้ามข้อต่อสู้ของฝ่ายไทยคือไม่ยอมรับแผนที่ เพียงแต่ศาลตัดสินว่าไทยยอมรับแผนที่โดยปริยาย ไม่ใช่เพราะการต่อสู้ของทีมทนาย
"การกระทำที่ศาลโลกใช้ในการปิดปากไม่ให้ฝ่ายไทยต่อสู้ในเรื่องนี้ก็คือการกระทำลักษณะเดียวกันกับที่นายนพดล ปัทมะ และนายสมัคร สุนทรเวช กำลังทำในขณะนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ดังนั้น เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีไม่ควรให้ข้อมูลที่ผิด ไม่ควรกล่าวเท็จ และควรจะรอฟังการอภิปรายในวันพรุ่งนี้ว่าที่มีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลของท่าน และรัฐมนตรีของท่านกำลังทำให้ประเทศชาติสูญเสียอธิปไตย มันคืออะไร
หัวหน้าพรรค ปชป.ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลปรับท่าทีให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่สามารถทำได้ และรัฐบาลจะไม่สนองตอบต่อการดำเนินการตามวิธีทางของกระบวนการสภาผู้แทนราษฎร แต่เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยการประสานกับรัฐบาลได้เปลี่ยนแปลงระเบียบวาระการประชุมแล้วบรรจุญัตติอภิปรายทั่วไปของวุฒิสภาและญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน
"การเปลี่ยนท่าทีของรัฐบาลไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความจริงใจและเห็นความสำคัญของกระบวนการสภาฯ เห็นได้ชัดจากการแสดงออกของ ท่านนายกฯ ในการออกรายโทรทัศน์เมื่อวานนี้(22มิ.ย.) พูดทำนองว่าญัตติก็เขียนมาอย่างนั้น ต้องการให้พูดจะได้จบๆ กันไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีความพยายามของนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรคพลังประชาชนหลายครั้งที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์สมคบกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเล่นการเมืองนอกระบบ ทั้ง ๆ ที่การดำเนินของกลุ่มพันธมิตรฯ มีบุคลากรที่เป็นแกนนำที่มาร่วมชุมนุมอย่างเป็นอิสระ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์
"ผมได้เห็นนายกฯออกมาใช้วาจาข่มขู่ว่าถ้าหากว่ามีวันใด วันหนึ่ง ซึ่งทางพรรคฝ่ายค้านมีโอกาสไปจัดตั้งรัฐบาลบ้าง ท่านพูดเองนะครับว่า ท่านก็จะจัดตั้ง ส.ส.สอบตกมาตั้งแก๊งข้างถนน แล้วขับไล่ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่ากระบวนการพันธมิตร เป็นแก๊งข้างถนน และที่สำคัญเหมือกับว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--