นายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) ที่จะเช่ารถปรับอากาศ NGV รวม 6,000 คัน คิดเป็นมูลค่าโครงการถึง 111,690 ล้านบาทนั้น เป็นโครงการที่ไม่โปร่งใสและพยายามรีบร้อนที่จะดำเนินโครงการด้วยการผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยไม่คำนึงถึงการดำเนินการตาม พ.ร.บ.การเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ
พร้อมมองว่ามีการตกแต่งตัวเลขผลกำไรที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้อย่างเกินจริง เพื่อที่ต้องการให้ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รวมทั้งยังมีกำไรส่วนเกินที่สามารถนำไปจ่ายเงินใต้โต๊ะให้แก่ใครก็ได้ที่มีอำนาจในการผลักดันโครงการ
"เรื่องนี้อาจจะถึง ปปช. หรือกองปราบ อยู่ที่ท่านประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและขนส่งมวลชน ท่านรัฐมนตรี(คมนาคม) ทั้ง 2 คน จะคิดอ่านอย่างไร ถ้าเห็นกับประโยชน์พี่น้องประชาชน คิดว่าสิ่งที่ผ่านมารับผิดเสียว่าเป็นการปั้นตัวเลขเพื่อให้ได้โครงการ เพื่อให้ครม.คนอื่นเห็นชอบ ผ่านไปโดยง่ายๆ วันนี้หลอกกันไม่ได้ เมื่อเรื่องนี้ปรากฎต่อสาธารณะ ผมไม่ขอไว้วางใจ" นายถาวร กล่าว
อย่างไรก็ดี นายถาวร กล่าวว่า นับว่ายังเป็นความโชคดีที่มีข้อกังขาจากรัฐมนตรีหลายคนในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีจึงทำแค่เพียงการรับทราบโครงการเท่านั้น ยังไม่ได้พิจารณาอนุมัติให้ดำเนินการ ซึ่งในท้ายสุดจึงต้องมีการถอนเรื่องนี้ออกจากการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปก่อน
"ต้องขอบคุณรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลที่พยายามตั้งข้อสังเกต และเสียใจแทนรัฐมนตรีทั้ง 2 คน(นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.คมนาคม) ที่โครงการนี้หยุดชะงัก"นายถาวร กล่าว
นายถาวร ยอมรับว่า ในหลักการแล้วเห็นด้วยกับโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพของ ขสมก.ที่ปัจจุบันต้องมีภาระหนี้สินกว่า 7 หมื่นล้านบาท ด้วยการปรับเปลี่ยนรถที่ใช้น้ำมันมาเป็นใช้ก๊าซ NGV และเป็นรถปรับอากาศทั้งหมด แต่ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกรถร้อน เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยที่ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการต้องเสียค่ารถเมล์เป็น 15 บาทตลอดสาย
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางรางและขนส่งมวลชน ชี้แจงว่า เป็นผู้ถอนเรื่องการเช่ารถปรับอากาศ NGV ดังกล่าวออกจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเอง เนื่องจากต้องการให้มีคำอธิบายในรายละเอียดของการเช่ารถมากกว่านี้
"คณะรัฐมนตรี ไปถามดูเลยว่ามีใครมาออกความเห็นทักท้วงอะไรไหม ไม่มีหรอก ผมเป็นคนที่อธิบาย ครม.ว่าวาระที่ 14 ขอเอาออกไปก่อน เพราะต้องการจะให้มีคำอธิบายมากกว่านี้เวลาเอาเข้ามา ครม...เรื่องนี้ขอคำอธิบายเพราะการเขียนเอกสารว่าบริษัทเดียว เขาไม่ได้เลือกบริษัทเดียว แต่เขาเขียนว่าให้เอาบริษัทเดียวเป็นคนให้เช่า" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ก่อนหน้านี้ พ.อ.วินัย สมพงษ์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายพร้อมแสดงหลักฐานถึงกรณีการศึกษาของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม โดยระบุว่านายสันติ ได้ถูกลบชื่อออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว เนื่องจากถูกมหาวิทยาลัยจับได้จากการที่ให้บุคคลอื่นเข้าสอบแทน รวมถึงการทำใบขับขี่รถยนต์ตลอดชีพปลอมเช่นกัน
พ.อ.วินัย ท้าว่าหลักฐานที่นำมาแสดงในครั้งนี้เป็นเรื่องจริง แต่หากมีการพิสูจน์ในภายหลังแล้วว่าเรื่องดังกล่าวนายสันติ มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง ตนก็จะขอลาออกจากการเป็น ส.ส. แต่ถ้าพิสูจน์ว่าหลักฐานที่นำมาแสดงเป็นเรื่องจริง นายสันติ ก็ควรลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเช่นกัน
พ.อ.วินัย ยังกล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่) ว่าเหตุใดจึงไม่ตัดสินใจให้ทำเป็นแบบใต้ดิน แต่กลับเสนอให้เป็นแบบลอยฟ้า เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นย่านชุมชนมีประชากรอาศัยเป็นจำนวนมาก การก่อสร้างโครงการแบบลอยฟ้าจะยิ่งทำให้การจราจรติดขัด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม ยืนยันว่า ไม่เคยปลอมใบขับขี่ และได้จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ในปี 45 และจบระดับปริญญาโทในอีก 2 ปีถัดมา ส่วนการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั้น ได้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ และเวนคืนที่ดินมาก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องดำเนินโครงการต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--