ญี่ปุ่นประกาศว่าจะมอบเงินเพิ่มอีก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนารับมือกับปัญหาราคาอาหารพุ่งสูง ในอีก 3 เดือนข้างหน้า
รัฐบาลญี่ปุ่นได้กล่าวแถลงการณ์ก่อนที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ (G8) ที่เมืองโตยาโก ทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด ซึ่งในที่ประชุมดังกล่าวจะมีการหยิบยกประเด็นเรื่องวิกฤติอาหารขึ้นเป็นวาระสำคัญในการประชุม
"ราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้นเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะถูกนำเข้าหารือในระหว่างการประชุม G8 สัปดาห์หน้า" มาซาฮิโกะ โคมูระ รัฐมนตรีต่างประเทศของญี่ปุ่นกล่าว
"ญี่ปุ่นได้ตัดสินใจมอบเงินช่วยเหลืองวดใหม่เพิ่มอีก เนื่องจากสถานการณ์ด้านวิกฤติอาหารยังคงรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา" เขากล่าวในแถลงการณ์
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า เงินสมทบจำนวนนี้จะทำให้ญี่ปุ่นมียอดส่งมอบเงินสดช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนารับมือกับวิกฤติอาหารพุ่งขึ้นที่ระดับ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ต้นปี ซึ่งธนาคารโลกกล่าวว่า ราคาอาหารพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่าในรอบ 3 ปี
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า วิกฤติราคาอาหารแพงมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ ราคาน้ำมันแพง การใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซลที่เพิ่มมากขึ้น และการบริโภคอาหารแคลอรี่สูงจำนวนมากโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
ด้านโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกได้เรียกร้องให้ทั่วโลกร่วมกันแก้ปัญหาอาหารแพงในที่ประชุม G8 โดยกล่าวว่า "สิ่งที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้ไม่ใช่หานยะที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ แต่เป็นหายนะที่เกิดจากพวกเราเอง และเราต้องเป็นฝ่ายแก้ปัญหาในเรื่องนี้ให้ได้"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--