ฝ่ายค้านยื่นประธานวุฒิสภาถอดถอน"นพดล"ชี้จงใจใช้อำนาจขัด รธน.ชัดแจ้ง

          นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ได้ใช้สิทธิตามมาตรา 271 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ยื่นเรื่องต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ถอดถอนนายนพดล ปัทมะ ออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ กรณีที่ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารของกัมพูชาเป็นมรดกโลก ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยกรณีดังกล่าวแล้วว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 190 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพราะแถลงการณ์ดังกล่าวถือเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อน
          "นายนพดล มิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เมื่อพิจารณาจากพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดินในกรณีดังกล่าว เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง" เอกสารตามคำร้อง ระบุ
          นายสาทิตย์ ระบุว่า ถึงแม้วันนี้นายนพดลจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ แล้วส่งผลให้กระบวนการถอดถอนยุติลง แต่หากภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ไต่สวนแล้วพบว่านายนพดลมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา นายนพดลยังคงต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
          สำหรับขั้นตอนต่อไป ส.ส.ฝ่ายค้านจะขอตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 17 มิ.ย.51 ที่อนุมัติการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ก่อนที่จะพิจารณาว่าจะยื่นถอดถอน ครม.ทั้งคณะได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นอาจจะยื่นถอดถอนนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ก่อนเพราะไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อคณะรัฐมนตรีได้
          อย่างไรก็ดี จากข้อมูลที่ได้มาพบว่าในวันที่ 17 มิ.ย.51 มีรัฐมนตรีบางคนไม่ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ความเห็นชอบต่อแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว เช่น นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง, พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เป็นต้น
          ผู้สื่อข่าวถามว่า หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามคำร้องยื่นถอดถอนที่เสนอไป และเป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีจะต้องพักงานและเกิดสูญญากาศทางการเมืองนั้น นายสาทิตย์ กล่าวว่า การพักงานของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เพียงคนเดียวไม่ถือว่าทำให้เกิดสูญญากาศ เพราะตามกฎหมายแล้วหากนายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ก็ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ทำหน้าที่แทนได้ ซึ่งการที่รัฐบาลอ้างว่าจะเกิดสูญญากาศทางการเมืองจึงถือว่าฟังไม่ขึ้น