แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งและดำเนินคดีอาญากับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ นายทหาร และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีทำให้ประเทศไทยสูญเสียอธิปไตยและเขตแดนบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหาร
"ข้าพเจ้าทั้งหมดขอร้องเรียนกล่าวโทษผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด และผู้เกี่ยวข้องอื่น เพื่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดำเนินการไต่สวนและดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจนถึงที่สุด" หนังสือคำร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ระบุ
สำหรับผู้ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย ครม.ทั้งคณะ 34 คน, นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ, นายเชิดชู รักตะบุตร อัครราชทูตประจำกรุงปารีส ปฎิบัติราชการที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ, นายพิษณุ สุวรรณรชฎ รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ, นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, พล.ท.แดน มีชูอรรถ เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด, พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ที่มีส่วนเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน
หนังสือคำร้องได้ลำดับพฤติการณ์ของการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด นับตั้งแต่มีสื่อมวลชนหลายแห่งรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเข้าไปลงทุนด้านแหล่งบันเทิงครบวงจร(Entertainment complex) และด้านพลังงาน โดยการเช่าพื้นที่เกาะกงเป็นระยะเวลา 99 ปี และมีผลประโยชน์เกี่ยวกับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาในอ่าวไทย
และตั้งข้อสงสัยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเอื้อประโยชน์ตอบแทนให้รัฐบาลกัมพูชาโดยสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยประเทศไทยไม่คัดค้านหรือขอขึ้นทะเบียนร่วมกัน เพื่อประโยชน์เรื่องคะแนนนิยมทางการเมืองของนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลในปัจจุบัน ซึ่งจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 27 ก.ค.นี้ ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดวางแผนร่วมกันและดำเนินการในลักษณะเป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุนร่วมกัน โดยแบ่งงานกันเป็นขั้นเป็นตอน
หนังสือคำร้อง ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมีเจตนาจงใช้ใช้อำนาจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มีผลเสียหายต่ออาณาเขตของประเทศไทย กระทบกระเทือนต่อพระราชอำนาจขององค์พระมหากษัตริย์ และกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 เป็นการกระทำการใดๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป
และตามมาตรา 119 และเป็นการร่วมกันคบคิดกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนิน การรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ตามมาตรา 120 การกระทำมีลักษณะเป็นการร่วมกันตามมาตรา 83
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าในช่วงบ่ายวันนี้ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ พร้อมด้วยกลุ่ม ส.ว.สรรหา จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้เสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ดำเนินคดีกับนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่กรณีลงนามสนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและดินแดน เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มาตรา 1
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--