"ปองพล"แนะรัฐบาลใช้ความเป็นเอกภาพพลิกเกมในเวทีโลกแก้ปัญหาเขาพระวิหาร

          นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย เชื่อว่า สถานการณ์ที่เกิดจากกรณีพิพาทเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารจะคลี่คลายลงหลังการเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชาที่จะมีขึ้นในวันที่ 27 ก.ค.นี้เสร็จสิ้นลง และเห็นว่าควรนำวิกฤติที่เกิดจากการที่กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลโลกมาเป็นโอกาส
          "ระหว่างนี้ทั้งสองฝ่ายควรนิ่งและตรึงกำลังเอาไว้ก่อนเพื่อรักษาสมดุล ส่วนที่กัมพูชาพยายามยื่นให้ศาลโลกเปิดไต่สวนฉุกเฉินในประเด็นดังกล่าวนั้นเชื่อว่าคนที่เสนอก่อนอาจจะไม่ได้ชนะอย่างที่คิดก็ได้ เมื่อทางกัมพูชาพยายามใช้เวทีโลกบีบประเทศไทย ทำไมเราไม่หาทางบีบเขาบ้าง เพราะไทยก็มีเพื่อนในระดับเวทีโลกหลายประเทศเช่นเดียวกัน" นายปองพล กล่าว
          แม้กัมพูชาพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่ากำลังถูกไทยรุกราน นายปองพล กล่าวว่า เรื่องนี้ในเวทีโลกเขารู้กันอยู่ว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งประเทศไทยไม่ควรไปวิตกกังวลกับสิ่งที่กัมพูชากำลังทำอยู่ แต่ต้องมีแนวทางแก้ปัญหาด้วยความเป็นเอกภาพ ปัญหาในขณะนี้ขาดตัวรัฐมนตรีที่จะมารับผิดชอบโดยตรง และหากจะมีการปรับครม.ครั้งต่อไปก็น่าจะมี รมช.ต่างประเทศเพิ่มอีก 1 ตำแหน่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดช่องว่างเหมือนในขณะนี้
          นายปองพล กล่าวว่า ประเทศไทยควรพยายามทำความเข้าใจในระดับเวทีโลก ซึ่งขณะนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก ดังนั้น อยากให้ไทยใช้โอกาสนี้ทำความเข้าใจและพยายามเดินหน้าแก้ปัญหาโดยยึดหลักความเป็นเอกภาพ
          ขณะที่ นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงผลประชุมว่า จากการรับฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้คณะกรรมาธิการฯ เข้าใจว่า ทางกระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ที่ยังไม่มีความชัดเจนเนื่องจากขณะนี้ไม่มี รมว.ต่างประเทศ จึงต้องรอให้มีการปรับ ครม.ก่อน เมื่อถึงจุดนั้นจะได้เห็นนโยบายและแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจน
         ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ เตรียมจะไปหารือกับกรรมาธิการต่างประเทศของกัมพูชาหลังการเลือกตั้งของกัมพูชาเสร็จสิ้นไปแล้วเพื่อหาทางออกร่วมกันและเป็นการประสานงานก่อนที่จะมี รมว.ต่างประเทศ อย่างเป็นทางการ ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนไทยด้วยกันนั้น กรรมาธิการได้เสนอให้กระทรวงการต่างประเทศจัดประชุมนักวิชาการในด้านนี้เพื่อระดมแนวทางการแก้ปัญหา แล้วนำมาเผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบถึงแนวทางการแก้ปัญหาที่ชัดเจนซึ่งจะแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ระดับหนึ่ง