สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อดีตคอมมิวนิสต์ผู้ปกครองประเทศมานาน 20 ปี มีแนวโน้มที่จะได้คะแนนเสียงในรัฐสภาเพิ่มขึ้นอีกในการเลือกตั้งวันที่ 27 กรกฎาคมนี้ หลังจากที่รัฐบาลเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศจนส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กัมพูชาซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดา 10 ชาติสมาชิกอาเซียน มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 10.6% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเม็ดเงินได้หลั่งไหลเข้าสู่กัมพูชามากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนพากันเบนเข็มจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามและไทย ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจในเวียดนามร้อนแรงเกินไปและเหตุวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นของทั้งสองประเทศร่วงลงอย่างหนัก
โดยพรรคประชาชนกัมพูชาของนายฮุนเซนได้รับความนิยมสูงขึ้นด้วยอานิสงส์จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างคึกคัก ซึ่งช่วยให้ประเทศสามารถประคองตัวจากสถานการณ์ราคาอาหารและเชื้อเพลิงที่ทะยานขึ้นได้ แม้อัตราเงินเฟ้อกำลังบั่นทอนอัตราการขยายตัว และแม้ว่าในที่สุดแล้วอาจกระทบต่อนโยบายผูกมิตรกับต่างประเทศของนายฮุนเซนก็ตาม
เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ได้คาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาจะลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 7% ในปีนี้ จากระดับ 10.25% ในปี 2550 ขณะที่ รัฐบาลคาดว่าเงินเฟ้อจะดีดตัวเกือบ 3 เท่าแตะ 15%
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ชี้ว่า ในเวลานี้ ฮุนเซน วัย 56 ปี กำลังได้รับเสียงสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนจากต่างประเทศได้สร้างงานในภาคพลังงาน การเกษตร อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสิ่งทอ อีกทั้งยังมีการสร้างโรงเรียนหลายแห่งและถนนหนทางในชนบทด้วย
Pheavy Vy ชาวกัมพูชาวัย 27 ปี ซึ่งธุรกิจร้านโทรศัพท์มือถือในกรุงพนมเปญของเธอกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก กล่าวว่าจะโหวตให้พรรคของนายฮุนเซน โดยให้เหตุผลว่า ฮุนเซนสามารถแก้ปัญหาให้กับประเทศได้ ซึ่งรวมถึงปัญหาราคาสินค้าที่กำลังปรับตัวสูงขึ้นด้วย
โรเบิร์ต บรอดฟุต กรรมการผู้จัดการบริษัท Political and Economic Risk Consultancy Ltd. ในฮ่องกงกล่าวว่า ประชาชนโดยเฉลี่ยจะโหวตให้กับพรรคประชาชนกัมพูชาของนายฮุนเซน ด้วยเหตุผลด้านเศรษฐกิจและผลประโยชน์ส่วนตัว ที่ไม่ได้เกิดจากการข่มขู่หรือบีบบังคับ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกัมพูชา ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาล กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศกำลังจะขยายตัวขึ้นสองเท่าจาก 2.7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยกัมพูชาเตรียมการที่จะเปิดตลาดหุ้นในปีหน้า ซึ่งจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาได้อีกมหาศาล ไม่เพียงแต่ภาคการเงินการธนาคารเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น การก่อสร้างอาคารสำนักงาน โรงแรม และโครงการอื่นๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ กัมพูชาได้เริ่มกอบกู้ชื่อภาพลักษณ์ที่เสื่อมเสียไปในช่วงปลายยุค 1970 ที่เขมรแดงเรืองอำนาจ ด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ทำให้ชนชั้นปัญญาชนแทบจะหมดสิ้นไปจากสังคมกัมพูชา
เบรตตัน ชิอาโรนิ ทนายความผู้ให้คำปรึกษาแก่นักลงทุนต่างชาติในกัมพูชามานานกว่า 15 ปี กล่าวว่า ธุรกิจใหม่ๆจะยังคงหลั่งไหลเข้าสู่กัมพูชา เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติรู้ดีอยู่แล้วว่าผลการเลือกตั้งในครั้งนี้จะออกมาเป็นเช่นใด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--