ศาลอาญา พิพากษาโทษจำคุกจำเลยในคดีเลี่ยงภาษีจากการโอนหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ซึ่งมีความผิดฐานฉ้อโกงและจงใจกระทำผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากร โดยกำหนดโทษจำคุกคุณหญิงพจมาน ชินวัตร และนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ คนละ 3 ปี ส่วนนางสาวกาญจนาภา หงษ์เหิน จำคุก 2 ปี โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยทั้งหมดด้วยหลักทรัพย์คนละ 5 ล้านบาท
ผู้พิพากษาศาลอาญา ระบุในคำพิพากษาว่า พยานหลักฐานที่ฝ่ายโจทย์นำสืบมีความมั่นคง และพยานจำเลยไม่สามารถหักล้างได้ รวมทั้งเห็นว่าจำเลยทั้ง 3 คนเป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง ควรจะดำเนินการในฐานะพลเมืองดี และเป็นตัวอย่างให้สังคม อีกทั้งจำเลยมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ซึ่งการชำระภาษีดังกล่าวไม่กระทบต่อฐานะของจำเลย ดังนั้นการจงใจฉ้อโกงและมีเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีจึงถือเป็นการกระทำความผิดร้ายแรง
"จำเลยทั้ง 3 เป็นผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะกระทำผิดฐานให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี จำเลยที่ 2 เป็นภริยาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับผู้บริหารประเทศ จำเลยทั้ง 3 จึงนอกจากมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตนเยี่ยงพลเมืองดีทั่วไปแล้ว ยังควรดำรงตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีสมฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย
แต่จำเลยทั้ง 3 กลับร่วมกันกระทำการหลีกเลี่ยงภาษีอากร อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่เป็นธรรมต่อสังคมและระบบภาษี ทั้งๆ ที่จำนวนค่าภาษีที่จำเลยที่ 1 ต้องชำระตามกฎหมาย และจำเลยที่ 2 ต้องเป็นผู้ชำระแทนในที่สุดนั้น เทียบไม่ได้กับจำนวนทรัพย์สินที่จำเลยที่ 2 และครอบครัวมีอยู่ขณะนั้น
การที่จำเลยจะชำระภาษีอากรไปตามกฎหมายเช่นพลเมืองทุกคน จึงมิได้มีผลกระทบต่อฐานะของจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด การกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 3 จึงร้ายแรง" คำพิพากษา ระบุ
ดังนั้น ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 และ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันโดยความเท็จ โดยฉ้อโกง หรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน หลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร จำคุกจำเลยทั้งสามคนคนละ 2 ปี
ฐานโดยรู้อยู่แล้วหรือโดยจงใจร่วมกันแจ้งข้อความเท็จ หรือให้ถ้อยคำเท็จ หรือตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ หรือนำพยานหลักฐานเท็จมาแสดงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร ให้จำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 และ 2 คนละ 3 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ศาลอ่านคำสั่งพิพากษาจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนนั้น บรรดากองเชียร์ที่มาคอยให้กำลังใจต่างนั่งนิ่งเงียบ บางคนน้ำตาซึม ส่วนคุณหญิงพจมาน, พ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมด้วยบุตรชายและบุตรสาวต่างมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
ทันทีที่ศาลอ่านคำพิพากษาจบ ครอบครัวชินวัตรได้เดินทางออกจากศาลอาญา โดยคุณหญิงพจมาน ได้หยิบแว่นดำขึ้นมาสวม ขณะที่บรรดากองเชียร์ต่างปรบมือเป็นกำลังใจให้แก่คุณหญิงพจมาน นายบรรณพจน์ และ น.ส.กาญจนาภา ซึ่งล่าสุดกองเชียร์ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับจากศาลอาญา ถ.รัชดาฯ แล้ว
ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า จากนี้ทีมทนายความจะได้นำผลคำพิพากษาของศาลอาญามาศึกษาเพื่อเตรียมจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ซึ่งคาดว่าจะยังคงใช้ทีมทนายความชุดเดิม โดยจะใช้ประเด็นต่อสู้ทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย อย่างไรก็ดี ในชั้นนี้ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันคนละ 5 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย ธนวัฏ เสือแย้ม/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--