นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ยืนยันว่า ได้โอนหุ้นในส่วนที่ถือเกิน 5% ในคณะบุคคลทั้ง 9 ราย และห้างหุ้นส่วนสามัญรวมมูลค่าราว 1.8 ล้านบาท ให้แก่นิติบุคคลที่จัดการทรัพย์สินไว้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งได้แจ้งให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) รับทราบไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มี.ค.51
พร้อมให้ทุกฝ่ายที่ยังสงสัยตรวจสอบกรณีดังกล่าว ตามที่มีการตั้งข้อสงสัยต่อการถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญ และคณะบุคคล 9 รายว่าจะขัดต่อหลักกฎหมาย และส่งผลต่อสถานะภาพความเป็นรัฐมนตรีของตนหรือไม่
วานนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ออกมาระบุว่าได้ตรวจสอบพบว่าบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ นพ.สุรพงษ์ และนางปราณี ภริยา อาจเข้าข่ายกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 269 เนื่องจากถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนสามัญและคณะบุคคลที่มีลักษณะเดียวกับห้างหุ้นส่วนสามัญ ซึ่งอาจทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของ นพ.สุรพงษ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 187(2) ถ้ามีการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว
นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี, นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และน.ส.กาญจนาภา หงษ์เหิร ถูกศาลอาญาสั่งจำคุกในคดีจงใจหลีกเลี่ยงภาษีจากการโอนหุ้น บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น(SHIN) ต่อภาพพจน์ของกรมสรรพากรว่า ได้มอบนโยบายให้แก่นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลังไปแล้ว ว่าให้เดินหน้าทำงานโดยยึดหลักของกฎหมายอย่างเคร่งครัด และส่วนตัวไม่รู้สึกกังวลว่าจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกรมสรรพากร
"ผมได้ให้นโยบายกับ รมช.คลัง โดยให้งานต่างๆ เดินหน้าต่อไป และยึดหลักกฎหมายเป็นหลัก ถ้าทุกอย่างยึดหลักกฎหมายก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องกังวลใดๆ" นพ.สุรพงษ์ ระบุ
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--