นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระบุกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาระบุในรายการสนทนาประสาสมัครเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าปัญหาพิพาทเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารมีต้นตอมาจากรัฐบาลในอดีตไปทำข้อตกลงกับรัฐบาลกัมพูชาเมื่อปี 2543 เป็นความพยายามเบี่ยงเบนและบิดเบือนประเด็น
"ที่มีความพยายามจากฝ่ายรัฐบาลอ้างว่าข้อตกลงปี 2543 ไปยอมรับแผนที่นั้นไม่เป็นความจริง" นายอภิสิทธิ์ ระบุในเว็ปไซต์ของพรรค ปชป.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2543 เป็นตกลงบันทึกความเข้าใจเพื่อแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี และหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เพราะฉะนั้นหลักการใหญ่ คือ การที่จะดำเนินการจัดทำเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อย และในระหว่างนั้นจะไม่มีการเข้าไปเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ที่มีเป็นปัญหา
และจากข้อตกลงปี 2543 จะพบว่าแผนที่ที่อ้างถึงเป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการผสมตามสนธิสัญญาเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยและศาลโลกก็ไม่ได้ยอมรับแผนที่ที่กัมพูชาใช้ฟ้องเมื่อปี 2505 ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการผสม
"คงเป็นความพยายามบิดเบือนมากกว่า ซึ่งข้อตกลงปี 2543 ทำให้เราสามารถประท้วงการเข้ามาตั้งชุมชน หรือการตั้งกองกำลังในพื้นที่ที่มีปัญหาได้ และอ้างอิงข้อตกลงชัดเจน คิดว่านายกฯ ควรหยุดเล่นการเมืองแบบนี้ โดยหยุดบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือจุดประเด็นเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ความเสียหายในวันนี้ที่ยังแก้ไม่เสร็จมาจากปัญหาข้อตกลงร่วม โดยเฉพาะแถลงการณ์ร่วมที่ไปลงนาม ซึ่งขอย้ำอีกครั้งว่าไม่ใช่เพียงพื้นที่ปราสาท เพราะมีทั้งขอบปราสาท และการระบุถึงพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งอยู่ในเขตแดนไทยชัดเจน โชคดีว่าในที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกปรับพื้นที่ไปเป็นแผนผังส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นการลดปัญหาแต่ไม่ได้หมดไป วันนี้รัฐบาลมีหน้าที่ไปแก้ปัญหาตรงนั้น และ รมว.ต่างประเทศ ก็ต้องเดินหน้าแก้ปัญหาตรงนี้ด้วย
การเจรจาเมื่อปี 2543 ไม่มีแผนที่แนบท้าย แต่เป็นการพูดถึงการทำข้อตกในการจัดทำหลักเขตแดนต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ซึ่งข้อแรกคือ ตัวสนธิสัญญา ส่วนแผนที่ที่พูดถึงจะต้องจัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการผสมตามสนธิสัญญา ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้เห็นได้ว่าเกิดจากการขึ้นทะเบียน ทำให้มีผลตามมาในเรื่องการบริหารพื้นที่โดยรอบ แต่ถ้าย้อนกลับไปจุดเดิมก็ไม่ได้มีปัญหา
"เรายืนยันว่าการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ การเจรจาให้ยึดข้อตกลงเดิมว่าอย่าเพิ่งไปเปลี่ยนสภาพพื้นที่อะไร และจัดทำหลักเขตแดนตามหลักการที่ตกลงกัน ขณะเดียวกันหากจะมีการบริหารจัดการอะไรต่างๆ ก็ต้องมาพูดคุยกันใหม่"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า วันนี้แทนที่นายกฯ และคณะจะเอาเวลาที่พยายามโยนความผิดไปให้คนอื่น ควรที่จะแก้ปัญหาจะเห็นว่าฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบไปแล้วก็มีแต่เสนอแนะว่าจะช่วยแก้ปัญหาอย่างไร ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลจึงอยากจะให้เรามาเสียเวลาตอบโต้กันจากการบิดเบือนข้อมูล แทนที่จะเอาเวลามาเสนอแนะว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร และถ้านายกฯ ยังไม่ยอมรับสภาพปัญหาและไม่ใช้ประโยชน์จากกระบวนการตรวจสอบและคำวินิจฉัยของศาลก็จะเป็นเรื่องยากในการที่จะไปอ้างสิทธิ์อะไรในการโต้แย้งกับกัมพูชา
"นายกฯ ต้องยอมรับความจริง และแก้ไขปัญหา...ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพยายามที่จะหมุนเรื่องนี้ให้ไปเป็นเรื่องอื่น ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงก็ต้องมีการตอบโต้มาตั้งแต่แรกแล้ว" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--