องค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็นชี้ว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำอิรวดีนั้นอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยมาถึง 3เดือนแล้วหลังจากที่พายุไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มประเทศและสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่ทางตอนใต้
แดเนียล เบเกอร์ ผู้ประสานฝ่ายมนุษยธรรมของยูเอ็นในพม่า กล่าวว่า การดำเนินการในพื้นที่ประสบภัยมีความคืบหน้ามาก แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วนในพื้นที่ห่างไกลที่ได้รับผลกระทบจากพายุ ซึ่งประชาชนอยู่กันอย่างแร้นแค้น ในช่วง 9 เดือนข้างหน้า จะต้องมีการจัดสรรอาหารให้กับประชาชน 924,000 คนอย่างเป็นระบบ ซึ่งการให้ความช่วยเหลือไปยังหมู่บ้านต่างๆที่ตั้งอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำนั้นยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
พายุไซโคลนนาร์กีสพัดถล่มพื้นที่ปลูกข้าวที่สำคัญของพม่าเมื่อวันที่ 2-3 พ.ค. ประชาชนเสียชีวิตหรือสูญหายไปกว่า 134,000 ราย และอีก 2.4 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือ นอกจากนี้ เกษตรกรในพม่ายังต้องการเมล็ดพันธ์พืชและความช่วยเหลือด้านการเกษตรเพื่อที่จะเริ่มเพาะปลูกได้ต่อไปในเดือนนี้
ยูเอ็นชี้ พายุนาร์กีสทำให้คลังเมล็ดพืชของพม่าต้องสูญเสียไปถึง 85% รวมทั้งกระบือเกือบ 50% อุตสาหกรรมเกษตรของพม่าจึงต้องการความช่วยเหลือเป็นเงินอย่างน้อย 15 ล้านดอลลาร์ บลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--