นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยี่นคำร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบการยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ที่มีเจตนาจงใจยี่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหรือแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 จากกรณีการได้รับทรัพย์สินจากการโอนหุ้นในบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 30 เม.ย.50 พบว่านายณัฐวุฒิถือหุ้นอยู่จำนวน 2 แสนหุ้น มูลค่า 20 ล้านบาท และในวันที่ 31 ต.ค.50 ได้โอนหุ้นทั้งหมดขายออกไป แสดงให้เข้าใจได้ว่านายณัฐวุฒิควรมีทรัพย์สินที่ได้จากการโอนหุ้นอยู่ ณ ปลายปี 50 เป็นมูลค่า 20 ล้านบาท จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่ามีลักษณะปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรทราบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 263 หรือไม่
ส่วนนายจุตพร พบว่าได้มีการโอนหุ้นทั้งหมดจำนวน 1 แสนหุ้น มูลค่า 10 ล้านบาท ออกไปเมื่อวันที่ 31 ต.ค.50 ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายจตุพรควรมีทรัพย์สินที่ได้จากการโอนหุ้นเป็นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาทเช่นกัน แต่ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 22 ม.ค.51 ได้แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เป็นจำนวน 5.3 ล้านบาท น้อยกว่ามูลค่าทรัพย์สินที่ได้จากการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.50 อย่างมีนัยสำคัญ
นายเรืองไกร กล่าวว่า นอกจากนี้ยังพบว่าทั้งสองคนยังมีรายได้จากการที่พรรคพลังประชาชนมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจว่าได้รับประโยชน์ที่ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ซึ่งต้องนำมายื่นเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาภายในวันที่ 31 มี.ค.51
ดังนั้น จึงขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกฐานหนึ่งว่าเข้าลักษณะกระทำทุจริตต่อหน้าที่หรือไม่ รวมทั้งพิจารณาว่าเข้าข่ายการเลี่ยงภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 หรือไม่ โดยขอให้มีการยื่นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 275 ฐานทุจริตต่อหน้าที่ต่อไป
--อินโฟเควสท์ โดย รฐฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--