พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน กล่าวว่า คณะทำงานแก้ไขสถานการณ์โดยยึดถือหลักการตามระบอบประชาธิปไตยและกรอบดำเนินการตามกฎหมาย ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่การดูแลเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดการปะทะกันจนเกิดความสูญเสีย โดยยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่เข้าไปป้องกันเหตุจะไม่ใช้อาวุธหรือความรุนแรง แต่จะเน้นการเจรจาและทำความเข้าใจเป็นหลัก
สำหรับภารกิจคณะทำงานฯ ประกอบด้วย 1.การสร้างความเข้าใจกับคนในชาติได้ตระหนักถึงปัญหาที่ขัดแย้งบานปลายอยู่ในขณะนี้ว่ายังมีทางแก้ไข โดยยึดแนวทางการเจรจาเป็นหลัก 2.การสร้างความเข้าใจกับประชาชนระดับภูมิภาคว่าการชุมนุมเดินทางเข้ามาสมทบในกทม.จะยิ่งก่อให้ปัญหาลุกลาม จึงจะให้ส่วนราชการ เอกชน ทหาร ตำรวจระดับท้องถิ่น ช่วยสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยใช้วิธีสร้างความเข้าใจ มากกว่าสกัดกั้น
3.ฝ่ายตำรวจและทหารจะพยายามสกัดกั้นและป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุม 2 ฝ่ายเกิดการปะทะหรือใช้กำลังอาวุธเข้าหากัน โดยจะเน้นการข่าวจากทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกัน 4.จะขอให้สื่อมวลชนร่วมมือกันสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่ากองทัพจะยึดแนวทางแก้ปัญหาด้วยการเจรจาเป็นหลัก รวมถึงกลไกต่าง ๆ ทางกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการเมือง โดยไม่ใช้กำลัง
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ขอบเขตการทำงานของคณะทำงานฯ จะทำให้ 2 ฝ่าย ไม่ใช้ความรุนแรงเข้าหากัน ส่วนกรณีจะเจรจาให้ได้ข้อยุติเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดบรรลุวัตถุประสงค์ ถือว่าที่ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะทำงานฯ พร้อมยืนยันว่า ความขัดแย้งทางการเมืองจะต้องแก้ไขด้วยวิถีทางการเมือง โดยผ่านกลไกกฎหมาย ไม่ใช่การใช้คณะทำงานฯชุดนี้แก้ปัญหา
รวมทั้งการกดดันให้ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากทำเนียบรัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ของคณะทำงานฯ และยืนยันทหารจะอยู่ข้างประชาชน ไม่ใช่อาวุธเข้าทำร้ายประชาชน ซึ่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกองทัพภาคที่ 1 สามารถดูแลสถานการณ์ให้เกิดความเรียบร้อยได้ โดยจะมีอุปกรณ์ป้องกันตัวแค่โล่และกระบอง เพราะยิ่งมีอาวุธมากก็จะยิ่งสร้างปัญหาและเกิดผลกระทบใหญ่หลวง แต่หากจะใช้อุปกรณ์อื่นก็คงใช้เท่าที่จำเป็น เช่น แก๊สน้ำตาและรถฉีดน้ำ
ผบ.ทบ.ยืนยันว่า ทหารจะอยู่ข้างประชาชนและไม่ใช้ความรุนแรง โดยจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ประชาชนที่แบ่งแยกเป็น 2 ฝ่ายต้องปะทะกัน แต่หากจะปะทะกันก็ให้เป็นเพียงการปะทะกันทางความคิดหรือทางกฎหมายเท่านั้น และสถานการณ์ในขณะนี้ก็ยังไม่จำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวส์ เพราะเกรงว่าจะเกิดผลกระทบกับผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในส่วนอื่น ๆ
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/จารุวรรณ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--