In Focus“ซาราห์ พาลิน"อดีตนางงามผู้กลายมาเป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองปธน.สหรัฐของ“จอห์น แมคเคน"

ข่าวต่างประเทศ Wednesday September 3, 2008 10:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ซาราห์ พาลิน อดีตนางงามผู้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ว่าการรัฐอลาสก้าสมัยแรก ได้รับการกล่าวขวัญถึงทั้งในแบบที่ชื่นชมและประหลาดใจ หลังจากที่นายแมคเคน ผู้แทนพรรครีพับลิกันประกาศชื่อเธอเป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการ สวนทางกับการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่า แมคเคนอาจจะเลือกเดินหมากที่มั่นใจได้ว่าปลอดภัยในทางการเมือง ด้วยการเลือกคู่หูที่เป็นฐานเสียงดั้งเดิมอย่างทิม พอว์เลนที ผู้ว่าการรัฐมินเนโซต้า 
สื่อต่างประเทศอย่างสำนักข่าวบีบีซีได้พาดหัวในรายงานข่าวบนเว็บไซต์เรื่องการประกาศตัวคู่หูของแมคเคนว่า “McCain unveils ‘The Barracuda’ ขณะที่ซีเอ็นเอ็นก็เคยเรียกเธอว่า Alaska Gov. Sarah “Barracuda" Palin
การที่เธอได้รับฉายาว่าเป็น “The Barracudar" ซึ่งเป็นชื่อเรียกปลาชนิดหนึ่งที่มีนิสัยดุร้ายนั้น มาจากสไตล์การเล่นบาสเก็ตบอลที่ดุดันของเธอในสมัยที่ยังเป็นนักศึกษา รวมถึงความชอบในกีฬากลางแจ้งอย่างการล่าสัตว์ การเป็นนักบิน และสมาชิกตลอดชีพของสมาคมนักยิงปืนไรเฟิลแห่งชาติของสหรัฐ
ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช กล่าวถึงพาลินว่า เป็นทางเลือกที่จะสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการเมือง และแน่นอนว่าเธอจะช่วยเพิ่มสีสันและความเข้มข้นให้กับการหาเสียงของนายแมคเคน
อดีตนางงามผู้ชอบรับประทานแฮมเบอร์เกอร์เนื้อกวางมูส
ซาราห์ พาลิน คุณแม่ลูก 5 วัย 44 ปี ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอลาสก้าเมื่อปี 2548 และมีชื่อเสียงเรื่องการปฏิรูปในด้านต่างๆในระหว่างที่เธอทำหน้าที่อยู่ในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ
พาลินจบการศึกษาด้านสื่อสารมวลชนและรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยไอดาโฮ เคยเป็นนางงามประจำเมืองวาซิลลา เมื่อปี 2527 และเคยขึ้นเวทีประกวดมิสอลาสก้า เธอแต่งงานกับทอดด์ พาลิน ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตน้ำมัน นิสัยส่วนตัวนั้น เธอชอบการล่าสัตว์ ตกปลา และชอบรับประทานแฮมเบอร์เกอร์ที่ทำจากเนื้อกวางมูส ซึ่งเป็นสัตว์ท้องถิ่นในอลาสก้า และสื่อให้เห็นถึงตัวตนที่เข้าถึงได้ง่ายของเธอ
จอห์น แมคเคน กล่าวถึงพาลินว่า เป็นผู้ที่มีหลักการ มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และเห็นอกเห็นใจในสุขทุกข์ของผู้อื่น อีกทั้งยังชมว่า เธอเป็นผู้ที่มีความอดทน มีจิตสำนึกที่ดี และทุ่มเทเพื่อสิ่งที่ดี ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่วงการการเมืองสหรัฐต้องการเป็นอย่างยิ่ง
พาลินเป็นสมาชิกรีพับลิกันหญิงคนแรกที่ได้รับการผลักดันให้เป็นคู่หูลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ มีเพียงเจอราลดีน เฟอร์เรโร่ จากพรรคเดโมแครตเท่านั้นที่ได้รับการเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2527
สื่อมองว่า การที่แมคเคนเลือกพาลินเป็นคู่หู จะช่วยสนับสนุนแนวทางการหาเสียงของนายแมคเคน เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิง ซึ่งอาจจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ผิดหวังจากการที่นายบารัค โอบามา ผู้แทนพรรคเดโมแครต ตัดสินใจเลือกนายโจ ไบเดน ผู้ว่าการรัฐเดลาแวร์เป็นคู่หูลงชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐแทนนางฮิลลารี คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ รวมทั้งการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงในกลุ่มคนหนุ่มสาว ไฟแรง
ภายในพรรคเดโมแครตเองได้มีการส่งอีเมลคุยกันเกี่ยวกับเรื่องซาราห์ พาลิน สมาชิกพรรคจำนวนมากที่เป็นผู้หญิงพอใจมากที่พรรคเลือกพาลิน ในขณะที่บางส่วนไม่พอใจที่แมคเคนมองแค่ว่า การที่จะหาเสียงจากกลุ่มผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงที่เป็นผู้หญิง ด้วยการหาชื่อผู้หญิงมาเป็นคู่หูร่วมลงศึกเลือกตั้งเท่านั้นเป็นเรื่องที่ง่ายเกินไป เพราะ “พาลิน" ไม่ใช่ “ฮิลลารี คลินตัน"
สำหรับประเด็นเรื่องการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มคนหนุ่มสาวนั้น สื่อต่างประเทศมองว่า อาจจะไม่ได้ผล เพราะเธอเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ และมีการตั้งคำถามถึงประสบการณ์ทางการเมืองของเธอ แต่พาลินอาจจะดึงคะแนนเสียงในกลุ่มชาวอเมริกันหัวอนุรักษ์นิยมได้ เพราะเธอเป็นนักการเมืองหัวอนุรักษ์ผู้ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ตัวเธอเองก็มีลูกชายที่มีอาการดาวน์ ซินโดรม
ประเด็นเรื่องการทำแท้งเป็นประเด็นสำคัญที่สมาชิกพรรครีพับลิกันให้ความสนใจ เนื่องจากที่ผ่านมา สมาชิกพรรคบางส่วนมองว่า แมคเคนยังไม่มีนโยบายในด้านอนุรักษ์นิยมมากนัก
นอกเหนือไปจากคุณสมบัติดังกล่าวแล้ว ซาราห์ พาลิน ยังสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่า เธอสามารถระดมเงินสนับสนุนการหาเสียงได้มากถึง 7 ล้านดอลลาร์ในวันแรกหลังจากที่แมคเคนประกาศเลือกเธอ โดยเธอสามารถหาเงินจำนวนเงินดังกล่าวได้ภายในวันเดียว และยังมากกว่ายอดการระดมทุนที่ทางทีมหาเสียงของพรรคหาได้ทั้งหมดในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2550
คุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้ ช่วยส่งให้เธอก้าวเข้ามามีบทบาทที่โดดเด่นในเวทีการเมืองสหรัฐ และการตัดสินใจของแมคเคนครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีทั้งเสียงชื่นชมและโจมตี ระยะเวลาอีกไม่กี่เดือนจากนี้ไปจะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า พาลินมีบทบาทช่วยแมคเคนได้มากเพียงไรในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 4 พ.ย.นี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ