"สมคิด"เตือนคลัง-ธปท.จับมือใกล้ชิดรับมือวิกฤติศก.สหรัฐ/จัดครม.อย่าห่วงแบ่งเค้ก

ข่าวการเมือง Thursday September 18, 2008 11:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวในการปาฐกถา"พรุ่งนี้ประเทศไทย"ว่า กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางรับมือสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่าระยะสั้นถึงระยะกลางจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในระยะยาวจะได้รับผลกระทบถึงไทยอย่างแน่นอน 
ผลกระทบที่เกิดขึ้นน่าจะมาทางอ้อม ซึ่งขณะนี้คงปฏิเสธไม่ได้ที่ปัญหาด้านเศรษฐกิจในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นเพราะสหรัฐเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ ตลาดเงินตลาดทุนต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้ปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นจังหวะที่ไทยจะปรับตัวและหันมาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหา
สิ่งที่สำคัญคือจะต้องติดตามดูว่าจะมีสถาบันการเงินที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวหรือไม่ แต่ก็ยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะวิกฤติในปี 40 ธปท.ก็เคยเข้าไปช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหาหลายแห่งมาแล้ว
"ตอนนี้ถือเป็นโอกาส ภายใต้ปัญหาเศรษกิจสหรัฐที่เกิดขึ้น เราควรใช้จังหวะนี้ในการปรับตัว และเผชิญกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น คลังและแบงก์ชาติจะต้องเป็นคอหอยกับลูกกระเดือก ต้องใกล้ชิดกันเพื่อประเมินสถานการณ์ให้มีความเหมาะสม และภายใต้ความสมดุลของประเทศไทยก็เพียงพอ ขณะที่การบริหารราชการแผ่นดินก็ต้องมีความโปร่งใสและยุติธรรมด้วย ตอนนี้ถือว่าประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ภายใต้สถานการณ์ในขณะนี้ควรจะใช้โอกาสในการผลักดันและสร้างความเชื่อมั่น รวมทั้งการให้ความสำคัญกับภาคเกษตรที่ถือเป็นภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ เพื่อให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งช่วงนี้เป็นจังหวะทีดี ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาส
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยผ่านวิกฤติมาหลายรูปแบบ แต่ที่หนักสุดคือปี 40 ที่ทำให้เศรษฐกิจประเทศล่มสลาย แต่การที่เรามีพื้นฐานแข็งเกร่งทำให้ปรับตัวฟื้นขึ้นมาได้ แต่ในช่วงนี้ก็มาเกิดกับต่างประเทศ
ด้านประเด็นทางการเมืองนั้น ความไม่มีเสถียรภาพ ความไม่แน่นอน ย่อมเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่าแม้จะมีปัญหาดังกล่าว เศรษฐกิจของไทยยังเติบโตได้เกิน 5% ในไตรมาส 2/51 แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าถดถอยคืออำนาจซื้อของประชาชน
สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ คือความน่าเชื่อถือของประเทศ เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายต่าง ๆ ในบ้านเมือง ทำให้มีผลต่อความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ โดยเฉพาะสำนักข่าวต่างประเทศและวารสารต่าง ๆ ที่นำเสนอข่าวปัญหาการเมืองและการชุมนุมของกลุ่มที่คัดค้านรัฐบาล ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อความเชื่อมั่น เป็นจุดที่จะต้องระวังเพราะจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศด้วย
"ความเชื่อมั่นเรียกกลับคืนมาได้ แต่ความน่าเชื่อถือเรียกคืนกลับมาได้ยาก การชุมนุมทางสังคมถือเป็นเรื่องปกติ แต่อย่าให้เกิดภาพสับสนวุ่นวาย การให้ข่าวก็ต้องระวัง ไม่เช่นนั้นความน่าเชือถือของประเทศก็จะลดลง แล้วก็จะวกมาที่เศรษฐกิจ"นายสมคิด กล่าว
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ขณะนี้คงต้องส่งกำลังใจช่วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะต้องทำงานเพื่อคนทั้งประเทศ ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่ง ซึ่งการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหาผู้ที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน ต้องเป็นคนดี มีความสามารถ และมีความเข้มแข็ง ไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง แต่อาจเป็นคนที่อยู่ข้างนอกก็ได้ อย่าน้อยต้องมีความน่าเชื่อถือและสามารถขับเคลื่อนประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ ยอมเสียสละเพื่อบ้านเมือง เพราะการจัดตั้งครม.ไม่ใช่แบ่งเค้กกัน
"ที่ผ่านมา เสียดาย 2 ปีเราเสียดายโอกาสมหาศาล ถึงเวลาต้องหยุดคิดว่าอะไรเป็นเหตุทำให้เราเกิดปัญหาขึ้น ทำไมเราจมปลักในบ่วงที่ขับเคลื่อนไปไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้วเรามีทางออกและมีบทเรียนจากวิกฤติปี 40 ด้วยซ้ำ เพียงแต่เราไม่ได้มองทางออก เรากลับไปมองทางที่จะชนะ เพราะแน้นควรหาจุดร่วมกัน และหาทางปรองดอง เพื่อให้ประเทศไทยไปได้ เพราะผมเชื่อว่าพื้นฐานของไทยยังดีและเติบโตได้ดีด้วยเมื่อเทียบกับประเทศไทย"นายสมคิด กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ