ผลสำรวจของนิวส์โพลล์ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียน เผยคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรีเควิน รัดด์ ของออสเตรเลีย ลดลงเหลือ 54% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือนพ.ย. ในขณะที่คะแนนนิยมของมัลคอล์ม เทิร์นบูล หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านคนใหม่ซึ่งเป็นอดีตนายธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์
โดยคะแนนนิยมของนายรัดด์ลดลง 12 จุด จาก 66% แต่ก็ยังมากกว่านายเทิร์นบูลที่ได้คะแนนนิยม 24% ในขณะที่ผลสำรวจของสำนักอื่นก็เผยว่าประชาชนเริ่มมีความเชื่อมั่นในตัวนายเทิร์นบูลมากขึ้น
ในวันนี้ นายรัดด์เดินทางไปประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์ก ยิ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาเพิกเฉยต่อปัญหาในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ขยายตัวช้าสุดในรอบ 3 ปี และการที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ห้ามมิให้มีการทำช็อตเซลล์ในตลาดหุ้น ในขณะที่นายเทิร์นบูลซึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสนีนิยมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นความหวังใหม่ของพรรคที่พ่ายแพ้อย่างหมดท่าในการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นายรัดด์กล่าวว่าการที่เขาเดินทางมากถึง 46 วันนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเป็นเพราะเขาต้องการพูดคุยกับคณะกรรมการกำหนดนโยบายของประเทศต่างๆ เกี่ยวกับวิกฤตสินเชื่อ รวมถึงเข้าประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ทั้งนี้ วิกฤตสินเชื่อครั้งใหญ่ส่งผลให้เลห์แมน บราเธอร์ส อิงค์ ล้มละลาย นอกจากนั้นยังทำให้รัฐบาลต้องซื้อกิจการของแฟนนี เม, เฟรดดี แม็ค และอเมริกัน อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป อิงค์ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--