อัยการเผยคดีบิ๊ก ตร.ติดสินบนตุลาการช่วยคดียุบ ทรท.ใกล้สั่งคดีเร็วๆ นี้

          นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีติดสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อช่วยเหลือคดียุบพรรคไทยรักไทยมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ซึ่งหลังจากอัยการได้พิจารณาพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวนแล้วเห็นว่ายังมีบางประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม จึงมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ แต่เป็นประเด็นใดบ้างนั้นคงไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ โดยการสอบสวนเพิ่มเติมดำเนินการได้กว่า 90% แล้ว ซึ่งคาดว่าอัยการจะสามารถสั่งคดีได้ภายในเร็วๆ นี้
          ทั้งนี้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอง ผบ.ตร.)ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พ.ต.อ.ชาญชัย เนติรัฐการ อดีต ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาในความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการเพื่อจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 167 และ 144 กรณีวิ่งเต้นเสนอสินบนจำนวน 30 ล้านบาท ให้แก่ ม.ล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ รองประธานศาลฎีกา ในฐานะตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น
          คดีนี้สืบเนื่องจากนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น แจ้งความให้ดำเนินคดีกับข้าราชการระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรมและข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ.ที่กระทำผิดพยายามเสนอสินบนตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินคดียุบพรรค ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ส.ค.50 พล.ต.อ.จงรัก ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ พ.ต.อ.ชาญชัย ผู้ต้องหา ในความผิดดังกล่าว
          ส่วนข้าราชการระดับสูงในสำนักงานศาลยุติธรรมนั้น นายปัญญา ถนอมรอด ประธานศาลฎีกาในขณะนั้นได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและชี้ว่ามีมูลจนมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่คณะกรรมการฯ ส่งผลสอบสวนให้คณะกรรมการข้าราชการศาลยุติธรรม(ก.ศ.) พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานยังรับฟังไม่ได้ว่าข้าราชการดังกล่าวเสนอให้สินบนกับตุลาการรัฐธรรมนูญจึงไม่เป็นการกระทำผิดวินัย
          สำหรับ พ.ต.อ.ชาญชัย จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2509 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี โดยเคยดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ระหว่างปี 2543-2545 ก่อนถูกโยกย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.ต.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม ตั้งแต่เดือน ต.ค.45 จนเกษียณอายุราชการเมื่อปี 48 หลังจากนั้นได้เข้ามาช่วยงานของพรรคไทยรักไทย