นายสุขมพงษ์ โง่นคำ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะกรรมการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลจะนำเสนอร่างนโยบายรัฐบาลที่ดำเนินการแล้วเสร็จเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันพรุ่งนี้(30 ก.ย.) โดยจะเป็นสูตร 16-8-14 คือนโยบายเร่งด่วน 16 ด้าน นโยบายหลัก 8 ด้าน และนโยบายย่อย 14 ด้าน ซึ่งได้เพิ่มการดูแลเรื่องวิกฤติการณ์อาหารโลก ราคาน้ำมัน และภาวะโลกร้อนเข้ามาอยู่ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย
โดยนโยบายที่สำคัญของแต่ละกระทรวง เช่น กระทรวงพลังงานจะส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น, กระทรวงยุติธรรมจะเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานยุติธรรมจังหวัด เป็นการนำสำนักงานคุมประพฤติ และสำนักงานบังคับคดี ในแต่ละจังหวัดให้มาขึ้นตรงกับยุติธรรมจังหวัด, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะปรับโครงสร้างการเพิ่มผลผลิตสินค้าเกษตร สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรทั้งระบบ ส่วนคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(กพ.) และคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.)จะปรับปรุงการบริหารงานให้ครอบคลุมถึงส่วนภูมิภาค
ส่วนปัญหาการจัดสรรคลื่นความถี่ ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องดำเนินการ และจะมีการแถลงต่อรัฐสภาถึงแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการ โดยที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลได้มอบหมายให้ตนเองและคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณารายละเอียดในเรื่องนี้
นายสุขมพงษ์ กล่าวด้วยว่า ได้เสนอกฎหมายที่จำเป็นต่อการบริหารราชการแผ่นดินเพิ่มเติม เช่น กฎหมายคุ้มครองพนักงานที่รับงานไปทำที่บ้าน, กฎหมายความปลอดภัยอาชีวะอนามัย, กฎหมายบริหารงานเด็กและเยาวชน, กฎหมายแก้ปัญหายาเสพติด และ กฎหมายรักษาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ส่วนกำหนดการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภานั้นได้รับการประสานจากสภาผู้แทนราษฎรว่าต้องการให้แถลงนโยบายเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมในว้นที่ 8-9 ต.ค.โดยอาจจะเลื่อนขึ้นมาเป็นวันที่ 7-9 ต.ค.51 ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากวันที่ 7 ต.ค.เป็นวันอังคารที่ต้องมีการประชุม ครม.เป็นประจำทุกสัปดาห์
ทั้งนี้ หากที่ประชุม ครม.พิจารณาอนุมัติร่างนโยบายรัฐบาลดังกล่าวแล้วก็สามารถส่งพิมพ์ได้ทันที
โดยการประชุม ครม.วันพรุ่งนี้คาดว่าจะมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงการแต่งตั้งทีมโฆษกรัฐบาล
นายสุขุมพงษ์ ยังให้ความเห็นถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.ระบบสรรหา ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ตรวจสอบคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีกรณีมีหุ้นอยู่ใน บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ(CSL) ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ อันถือว่าเป็นการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญว่า การตรวจสอบการถือหุ้นของนายกรัฐมนตรีเป็นสิทธิที่บุคคลจะสามารถยื่นเรื่องตรวจสอบได้ และอาจจะมีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ถูกตรวจสอบในลักษณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เท่าที่ได้พิจารณาในเบื้องต้นจากมุมมองในฐานะที่เป็นนักกฎหมายเห็นว่าไม่น่าจะเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินอย่างถูกต้อง
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ซึ่งนายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เสนอให้มีการเพิ่มศักยภาพของสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อสนุบสนุนการท่องเที่ยวมากขึ้น
สำหรับการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นภายในชาติถือเป็นนโยบายเร่งด่วนเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการให้ได้ภายใน 1 ปี ซึ่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมประชุมกันเพื่อหารือถึงร่างนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 8-9 ต.ค.นี้
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ภาพรวมนโยบายของรัฐบาลชุดไม่แตกต่างจากรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีมากนัก โดยจะเพิ่มเติมรายละเอียดให้มากขึ้น เช่น ด้านการศึกษาจะเพิ่มหลักสูตรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ส่งเสริมการเรียนภาษาที่ 2 และ 3
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือพูดคุยถึงกรณีที่มีข่าวว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เตรียมเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ
--อินโฟเควสท์ โดย ฐานิสร์ ทองนอก/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--