In Focusบทสรุปศึกปะทะคารมรอบ 2 "แมคเคน-โอบามา" ส่อเค้าผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 8, 2008 16:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          งวดเข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดยเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน ชาวอเมริกันก็จะได้ผู้นำคนใหม่มาแทนที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งดำรงตำแหน่งมานานถึง 2 สมัย รวมระยะเวลา 8 ปี จนประชาชนชักจะเอือมระอา
ส่วนจะเป็นใครระหว่าง จอห์น แมคเคน สิงห์เฒ่าจากพรรครีพับลิกัน และ บารัค โอบามา คนหนุ่มไฟแรงจากพรรคเดโมแครต ก็ยังไม่อาจฟันธงได้ แต่ถึงกระนั้น เชื่อว่าจนถึงตอนนี้น่าจะเริ่มมองเห็นเงาของผู้ที่จะก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในฐานะผู้นำคนที่ 44 ของดินแดนเสรีภาพแห่งนี้ได้เด่นชัดขึ้นแล้ว เมื่อผลสำรวจความคิดเห็นระยะหลัง โดยเฉพาะภายหลังจบศึกโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์ หรือ ดีเบต ครั้งแรก เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กันยายน ณ มหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี้ เมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ปรากฏว่า ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิออกเสียงเริ่มเทใจให้ โอบามา กันมากขึ้น โดยโพลล์ล่าสุดของทุกสำนักชี้ว่า นายโอบามามีคะแนนนำคู่แข่งระหว่าง 6-8% เนื่องจากโอบามา สามารถโชว์กึ๋นให้พี่น้องและเพื่อนพ้องร่วมชาติได้ประจักษ์แก่สายตา และเริ่มเชื่อว่าวุฒิสมาชิกผิวสีจากรัฐอิลลินอยส์ผู้นี้มีดีพอที่พวกเขาจะไว้วางใจฝากประเทศให้ดูแล ในยามที่เศรษฐกิจกำลังตกต่ำถึงขีดสุด
และด้วยเหตุที่ถูกคู่แข่งรุ่นราวคราวลูกทิ้งห่างเพิ่มมากขึ้น คุณปู่แมคเคนซึ่งอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา จึงหมายมั่นปั้นมือที่จะเรียกคะแนนนิยมให้ตีตื้นขึ้นมาให้ได้ในการดีเบตรอบสอง ซึ่งจัดขึ้นในคืนวันอังคารที่ 7 ต.ค. ตามเวลาในสหรัฐ หรือ 8 โมงเช้าของวันพุธที่ 8 ต.ค. ตามเวลาในประเทศไทย ที่มหาวิทยาลัยเบลมอนต์ ในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี
ดีเบตในรูปแบบ town hall meeting
การดีเบตครั้งนี้จัดขึ้นในรูปแบบการประชุมประชาคม หรือ town hall meeting ซึ่งผู้สมัครทั้งสองจะต้องตอบคำถามที่มาจากผู้ฟังซึ่งเป็นกลุ่มผู้มีสิทธิออกเสียงที่ยังไม่ตกลงใจว่าจะเลือกผู้สมัครคนใด รวมไปถึงคำถามจากทางอินเทอร์เน็ต และจากผู้ดำเนินรายการซึ่งได้แก่ นายทอม โบรคอว์ พิธีกรอาวุโสจากสถานีเอ็นบีซี บรรยากาศของการโต้วาทีในลักษณะนี้ ผู้สมัครทั้งสองจะมีโอกาสได้ปะทะคารมกันซึ่งๆหน้า แต่ในบางขณะก็จะกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ราวกับไม่มีคู่แข่งอยู่ร่วมบนเวทีเดียวกัน โดยว่ากันว่า แมคเคน มีความเชี่ยวชาญมากกว่าในการโต้วาทีแบบ town hall นี้
แต่ดูเหมือน เรื่องจะไม่ง่ายอย่างที่คิด...
ดีเบต 90 นาที
การโต้วาทีครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ 2 ประเด็นหลัก คือ เรื่องเศรษฐกิจและนโยบายต่างประเทศ แต่ท่ามกลางวิกฤตการเงินซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากสหรัฐและกำลังลุกลามแผ่ขยายไปทั่วโลกอย่างเวลานี้ คำถามเกี่ยวกับเศรษฐกิจจึงเป็นที่จับตามากกว่าอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
ประเด็นเศรษฐกิจ
เปิดฉากดีเบตด้วยการที่ผู้สมัครทั้งสองงัดข้อกันในประเด็นเศรษฐกิจ โดยโอบามากล่าวว่า สหรัฐกำลังเผชิญวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุค the Great Depression และชี้ว่านี่เป็นบทพิสูจน์ถึงนโยบายเศรษฐกิจที่ล้มเหลวตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ประธานาธิบดีบุชบริหารประเทศ พร้อมกันนี้ นายโอบามายังได้โจมตีแผนของนายแมคเคนที่เสนอให้รัฐบาลกว้านซื้อหนี้เสียในตลาดที่อยู่อาศัย ตลอดจนนโยบายลดภาษีและลดการใช้จ่ายภาครัฐ โดยกล่าวว่า นายแมคเคนซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาททางการเมืองในสหรัฐมา 26 ปีแต่ไม่สามารถนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่รัฐบาลและยกระดับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกันให้ดีขึ้นได้
ด้านนายแมคเคนตอบโต้ว่า มาตรการกู้วิกฤตการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เป็นเรื่องจำเป็น แม้ยอมรับว่าเงินจำนวนดังกล่าวอาจเป็นตัวเลขที่สูง แต่ก็เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดที่อยู่อาศัย อันจะนำไปสู่การจ้างงาน รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
วุฒิสมาชิกแอริโซนายังได้เอ่ยชื่อของนาย วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนมหาเศรษฐีชื่อดัง และนางเม็ก วิธแมน อดีตผู้บริหารอีเบย์ว่าจะเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของเขา ซึ่งนายโอบามาเห็นด้วยว่านายวอร์เรนจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ยังปฏิเสธที่จะบอกว่าใครจะเป็นผู้ที่เขาเลือกให้มารับตำแหน่งที่ปรึกษา
นโยบายต่างประเทศ
สำหรับนโยบายต่างประเทศนั้น นายแมคเคน ในฐานะวีรบุรุษสงครามเวียดนาม สบประมาทคู่แข่งด้วยเรื่องเดิมๆว่า โอบามามีประสบการณ์ด้านการเมืองน้อยเกินกว่าที่จะเข้าใจความท้าทายด้านความมั่นคงของประเทศ พร้อมกล่าวว่าเขารู้ดีว่าจะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างไร
ทั้งนี้ แมคเคนและโอบามามีนโยบายที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องการทำสงครามอิรัก โดยแมคเคนเห็นควรสนับสนุนให้ทำสงครามอิรัก แต่โอบามาเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ ส่วนเรื่องที่อิหร่านไม่ยอมยุติโครงการนิวเคลียร์นั้น นายแมคเคนเห็นว่า สหรัฐต้องจับมือกับพันธมิตรลงโทษอิหร่าน ขณะที่นายโอบามาชี้ว่าควรหาทางพยายามเจรจาให้ได้ก่อนและเก็บทางเลือกในการใช้กำลังไว้ทีหลัง
โดยในระหว่างการโต้วาทีนาน 90 นาที ผู้สมัครทั้งสองใช้เวลาในการตอบคำถามเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศราว 30 นาที พูดถึงเรื่องเศรษฐกิจประมาณ 45 นาที และอีก 15 นาทีเป็นประเด็นภายในประเทศ
โพลล์ชี้โอบามาชนะใส
ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ชมการดีเบตทั่วประเทศในวันนี้ ชี้ว่าโอบามาเป็นผู้ชนะ โดย 54% ของผู้ร่วมตอบแบบสำรวจของซีเอ็นเอ็น ซึ่งมีการเผยแพร่ 30 นาทีหลังเสร็จสิ้นการโต้วาทีระบุว่า โอบามาทำได้ดีกว่าในการดีเบตหนสอง ขณะที่ 30% ให้คะแนนแมคเคน
ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เห็นว่า แมคเคนมัวแต่เสียเวลาไปกับการโจมตีฝ่ายตรงข้าม แทนที่จะใช้เวทีดีเบตเป็นโอกาสพิสูจน์ให้ชาวอเมริกันได้เห็นถึงความสามารถในการเป็นผู้นำประเทศ ซึ่งทำให้ภาพของนายแมคเคนในสายตาของผู้ชมการโต้วาที ไม่แตกต่างไปจากภาพนักการเมืองที่เห็นกันได้อย่างดาษดื่น
นอกจากนี้ ซีเอ็นยังได้สอบถามความเห็นว่าผู้สมัครคนใดดูเป็นผู้นำที่เข้มแข็งกว่ากัน ใครที่น่าชื่นชอบกว่ากัน ใครฉลาดกว่า ใครสามารถแสดงความคิดเห็นได้ชัดเจนกว่า ใครตอบคำถามตรงประเด็นกว่า และใครเอาใจใส่กับคำถามของผู้ชมมากกว่ากัน ซึ่งผลปรากฏว่า คะแนนล้วนแต่เทไปที่ฝั่งโอบามา
คีทติง ฮอลแลนด์ ผู้อำนวยการจัดทำผลสำรวจความคิดเห็นของซีเอ็นเอ็นกล่าวว่า ก่อนหน้านี้นายแมคเคนมีภาษีดีกว่าในเรื่องของความเป็นผู้นำ แต่ความได้เปรียบของนายแมคเคนกลับทรุดฮวบลงจาก 19 จุดในเดือนกันยายน ลงมาเหลือเพียง 5 จุดในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งถ้าหากโอบามาใช้การดีเบตหนนี้เพื่อโนมน้าวชาวอเมริกันให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งกว่านายแมคเคนได้ ก็เชื่อว่า เป็นเรื่องยากที่เขาจะแพ้การเลือกตั้งใหญ่วันที่ 4 พฤศจิกายนนี้
สำหรับบทสรุปการโต้วาทีหนสองนี้ ดูเหมือนว่า ภาพประธานาธิบดีคนที่ 44 ซึ่งยังเป็นแค่เงาลางๆ ในช่วงสองอาทิตย์ก่อนหน้านี้ เริ่มที่จะปรากฏเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดขึ้น จนอาจต้องตั้งคำถามว่า ฤา สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีประวัติศาสตร์การเมืองอันเป็นประชาธิปไตยมายาวนาน จะได้ประธานาธิบดีผิวสีคนแรก (จริงๆ) ?

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ